ภูเก็ตไป “โรดโชว์” อินเดีย “นรภัทร” จี้เร่งฟื้นเชื่อมั่น

          อบจ.จัดงบเป็นสปอนเซอร์ให้สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต และททท. นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากเมืองภูเก็ตกว่า 30 รายเข้าอินเดีย เปิดตลาดโรดโชว์ที่เมืองโกลกาต้า และเมืองเชนไน จับเข่าคุยผู้ประกอบนำเที่ยวชั้นแนวหน้ากว่าร้อยราย พบสถิตินักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเมื่อปีที่ผ่านมา 1.4 ล้านคน และ ในเดือนตุลาปีนี้ GO AIR ของอินเดียก็เปิดบินตรงจากเดลี และมุมไบเข้าภูเก็ตสัปดาห์ละ 5 ไฟท์ เผยทัวร์จีนเข้าไทยยังซบ หลังเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต เมื่อต้นก.ค. 61 ที่ผ่านมา กระทบความเชื่อมั่นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก แต่คาดว่า ปลายปีนี้ หรือต้นปี62 น่าจะเป็นปรกติ เพราะอาหารไทยยังเป็นที่ชื่นชอบของคนจีน ส่วนผู้ว่าฯนรภัทร นัดผู้เกี่ยวข้องแจงความคืบหน้า การจัดระเบียบท่าเทียบเรือในพื้นที่ทั้ง 24 แห่ง จี้ต้องมีผู้จัดการ และทีมงานปล่อยเรือ เพิ่มมาตรการความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางน้ำให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวตามประกาศ กอ.รมน.ภูเก็ต

ภูเก็ตโรดโชว์อินเดีย

เสนอขายความเป็นไทย

          เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561 องค์การบริการส่วนจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายเสถียร แก้วพระปราบ รองปลัดองค์การบริการส่วนจังหวัดภูเก็ต นายสัญญา ศรีเมือง นายสมคิด สุภาพ นายสนธยา สุนธารักษ์ นางสาววิศัลย์ศยา ผลสิน และ นางสาวสุปรียา เอี่ยมวิวัฒนากุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมด้วย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต นำโดย นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต นายรังสิมันตุ์ กิ่งแก้ว อุปนายกฝ่ายแผนและพัฒนาการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.วไลลักษณ์ น้อยพยัคฆ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียนเอเชียใต้และแปซิฟิกใต้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกุลปราโมทย์ วรรณะเลิศ ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสายการบินเข้าร่วม 30 ราย เพื่อพบปะตัวแทนขายบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของอินเดีย 120 ราย

          สำหรับการเดินทางไปทำ ROADSHOW ครั้งนี้ได้มีโอกาสพบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และตัวแทนขาย 2 เมืองหลักของประเทศอินเดีย โดยในวันแรก(ศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2561) ณ เมืองโกลกาตา โดยมี นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเดลี ให้การต้อนรับและประสานงาน และวันจันทร์ที่ 3 กันยายน 2561 ณ เมืองเชนไน โดยมี นางสาวพักตร์วิภา อาวิพันธ์ ท่านรองกงสุลเจนไนให้การต้อนรับและประสานงานให้

         นายเสถียร แก้วพระปราบ รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทาง อบจ.ภูเก็ตได้เล็งเห็นคุณค่าความสำคัญของการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต โดยทำการสนับสนุนงบประมาณผ่านไปยัง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวมาเป็นเวลากว่าสิบปี เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ตให้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น โดยหวังว่าผู้ประกอบการที่มาร่วมกิจกรรม ROAD SHOW ที่ต่างประเทศ จะทำหน้าที่เป็น “ฑูตวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยว” ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ต หลังจากการเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศอินเดียแล้ว จะเดินทางไปทำการ ROAD SHOW ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ในช่วงเดือนมกราคมปี 2562 ต่อไป

         ด้าน นายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายแผนและพัฒนาการท่องเที่ยว กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนจากอบจ.ภูเก็ต นำผู้ประกอบการมาร่วมงานในครั้งนี้ 2 เมืองด้วยกัน คือ เมือง KOLKATA เเละ CHENNAI ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจหลักของอินเดีย นักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียมีศักยภาพที่จะมาท่องเที่ยวภูเก็ตสูง โดยตลาดอินเดียนั้นถือว่า เป็นตลาดใหม่และเป็นตลาดรองจากจีน เนื่องจากมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับประเทศจีน ถือว่าเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก อีกทั้งจังหวัดภูเก็ตนั้น มีความหลากหลายในด้านของการท่องเที่ยว คาดว่าการเดินทางนำผู้ประกอบการมาพบกับผู้ซื้อโดยตรงในครั้งนี้ จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางมาภูเก็ตเพิ่มขึ้น

        อนึ่ง ภายในเดือนตุลาคม 2561 อินเดียจะเปิดเส้นทางบินตรงจากเมืองเดลีและเมืองมุมไบ มายังสนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ตสัปดาห์ละ 5 เที่ยว โดยสายการบิน GO AIRของอินเดีย

         ขณะที่ นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเดลี กล่าวว่า การจัดกิจกรรม AMAZING THAILAND ROAD SHOW ที่ประเทศอินเดียในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชาวไทยเข้าพบลูกค้า INDIAN TRAVEL AGENCYS โดยตรง ในธีมงาน “OPEN TO THE NEW SHADES OF AMAZING THAILAND” ที่นำเสนอรูปแบบของความเป็นไทยอย่างแท้จริง เพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะของคนไทย โดยเฉพาะ วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เพื่อต้อนรับผู้เข้าชมจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะ WEDDING GROUP, WELLNESS GROUP, HONEY MOON GROUP, SHOPPING GROUP,  FAMILY GROUP และรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ อาทิ กลุ่มเล่นกอล์ฟ, กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ( MICE ) เป็นต้น

          จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี 2560 นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมายังไทย 1,411,942 คน ในปี 2560 คน เพิ่มขึ้น 18.20% เมื่อเทียบกับปี 2559 สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท/ปี นับได้ว่า กลุ่มตลาดอินเดียเป็นกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจ มีความเติบโต เเละมีอัตราการใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปค่อนข้างสูง โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง

         จากข้อมูลผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มาเข้าร่วมงานโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้กล่าวว่า จากในปีที่ผ่านมาดูสถิติพบว่า  สินค้าทางการท่องเที่ยวของบริษัทได้รับความสนใจโดยตลอดและในตลาดอินเดียก็เช่นกัน ผู้ประกอบการคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับเที่ยวบินจากมุมไบไปภูเก็ต น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับผู้ประกอบการทุกๆ ราย

          นอกจากนี้ ในช่วงค่ำ ภายในงานยังได้มีการจัดงานกาลาดินเนอร์ มี ดร.วไลลักษณ์  น้อยพยัคฆ์ เป็นประธานในงานเลี้ยง พร้อมทั้งลิ้มรถอาหารไทย โดยมี ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย แขกผู้ทรงเกียรติ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทัวร์จีนเข้าไทยยังซบ

 คาดปลายปีนี้น่าปกติ

         นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานปักกิ่ง ดูแลตลาดพื้นที่ภาคเหนือของจีน กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนต่อการท่องเที่ยวของไทยในขณะนี้ยังไม่กลับสู่ภาวะปกตินัก ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะ ทั้งนี้ ททท.ได้พยายามให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ทั้งในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรอง และการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงทำตลาดร่วมกับบริษัทนำเที่ยว สื่อออนไลน์ต่าง ๆ และผู้ประกอบการสายการบินชาร์เตอร์ไฟลต์ เพื่อให้กลับมาบริการเป็นปกติ

        อย่างไรก็ตาม ด้วยความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวของไทย การเดินทางที่สะดวก มีเที่ยวบินระหว่างไทยสู่เมืองต่าง ๆ ของจีนจำนวนมาก บวกกับประชากรจีนที่มีมากถึง 1,400 ล้านคน และมีคนรวยเพิ่มขึ้นมากถึงราว 100 ล้านคนต่อปี ที่ทำให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังเป็นเดสติเนชั่นสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน

       “ในพื้นที่ที่สำนักงานปักกิ่งเราดูอยู่นั้นครอบคลุมพื้นที่หลัก ๆ เช่น ปักกิ่ง เทียนจิน เหลียวหนิง เหอหนาน เหอเป่ย์ จีหลิน ฯลฯ รวมถึงมองโกเลีย ในพื้นที่นี้มีประชากรราว ๆ 400 ล้านคน ปีที่ผ่านมาส่งออกนักท่องเที่ยวประมาน 3 ล้านคนต่อปี ขณะที่รัฐบาลจีนมีนโยบายกระจายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชากรมีการขยายตัวด้านรายได้อย่างรวดเร็ว จึงมั่นใจว่าบรรยากาศการเดินทางมาท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือช้าสุดไม่เกินต้นปีหน้า”

        นางอัญชลี เผยว่า ขณะนี้ ททท.ได้ปรับโครงการทำการตลาดใหม่ โดยมุ่งโฟกัสนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมี่ยม หรือกลุ่มระดับกลาง-ระดับสูงเป็นหลัก เช่น กลุ่มสปอร์ตทัวริซึ่ม โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ, ดำน้ำ และวิ่งมาราธอน กลุ่มเฮลท์ แอน เวลเนส ที่ไทยมีมาตรฐานด้านบริการทางการแพทย์ที่เทียบมาตรฐานโลก และกลุ่มเวดดิ้ง แอน ฮันนีมูน ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมเดินทางเป็นกลุ่มขนาด 40-80 คน และมีกำลังซื้อสูง

        ทั้งนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยเป็นปกติในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ หรือช้าที่สุดไม่น่าจะเกินต้นปี 2562 และน่าจะมีจำนวนและสร้างรายได้รวมใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ผ่านมา

        เช่นเดียวกับ มร.เกา เจี้ยน จวิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด การท่องเที่ยวแห่งเมืองเทียนจิน ประเทศจีน ที่กล่าวว่า ไทยยังคงเป็นเดสติเนชั่นอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวจีนอยากไปเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากมีวัฒนธรรม ประเพณี และอาหารการกินที่คนจีนชื่นชอบ สำหรับนักท่องเที่ยวจากโซนเมืองเทียนจินนั้น คาดว่าน่าจะเดินทางไปประเทศไทยเป็นปกติได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วย

         การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวจีนในครั้งนี้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวของไทยต้องเร่งแก้กันต่อไป

เจ้าท่าฯติวเข้มคนเรือ

อัดฉีดยกระดับรปภ.

           เมื่อเช้าวันที่ 13 กันยายน 2561 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสมภพ ปัญญาไวย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 เป็นประธานในการเปิดโครงการอบรมผู้ทำการในเรือ พร้อมด้วย นายวิวัธ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวรายงาน โดยมี นายปรีชา เกื้อแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต และตัวแทนของบริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ตลอดจนผู้เข้ารับการอบรม เข้าร่วมงาน

         นายสมภพ ปัญญาไวย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์เรือบรรทุกผู้โดยสารประสบอุบัติเหตุในทะเล และมีผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศชาติโดยรวม อันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนความเสียหายด้านภาพลักษณ์ของเมือง การที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต ได้จัดโครงการฝึกอบรมผู้ทำการในเรือนั้นเป็นหลักสูตรการอบรมที่ดี ซึ่งจะเป็นการพัฒนาผู้ทำการในเรือให้มีทักษะ ความรู้ความสามารถเพื่อนำไปปฏิบัติงานสามารถสร้างและยกระดับมาตรฐานของผู้ทำการในเรือปฏิบัติงานให้เกิดความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำให้ดียิ่งขึ้น

        ด้าน นายวิวัธ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวว่า ในปัจจุบันการคมนาคมทางน้ำนั้นกลับมามีบทบาทสำคัญทั้งในด้านของการขนส่งและการเดินทางเพื่อท่องเที่ยว ซึ่งจากสถิติตัวเลขย้อนหลังไป 3 ปีนั้น จะเห็นได้ว่าตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์เรือบรรทุกโดยสารประสบอุบัติเหตุในทะเลและมีผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก จึงได้จัดโครงการอบรมผู้ทำการในเรือขึ้น เพื่อเสริมความรู้ความสามารถของผู้ควบคุมเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และเพื่อยกระดับมาตรฐานให้ผู้ทำการในเรือ ในเขตพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

        โดยการจัดโครงการอบรมฯ ได้จัดขึ้นที่ห้องประชุมท่าเทียบเรือรัษฎา เมื่อวันที่ 13-14 กันยายน 2561ที่ผ่านมาเป็นเวลา 2 วัน โดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการจัดหลักสูตรอบรม อาทิ การให้ความรู้ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยในเรือ เช่น สอนวิธีการใช้ เสื้อชูชีพ ห่วงชูชีพ แตร และอุปกรณ์เตือนต่างๆ ถังดับเพลิง รวมถึงวิธีการตรวจเช็คความพร้อมของอุปกรณ์ความปลอดภัยเพื่อพร้อมใช้งานตลอดเวลา การให้ความรู้ด้านการประกันภัย และความปลอดภัยของผู้โดยสาร การใช้งานวิทยุสื่อสาร การใช้งานถังดับเพลิง การเช็คสภาพอากาศก่อนออกเดินเรือ รวมถึงการดูแผนที่อากาศ เป็นต้น

“นรภัทร”จี้ทิ้งทวน

 เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น

          ต่อมาวันที่ 18 กันยายน 2561 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พบสื่อมวลชน ครั้งที่ 11/2561 โดยมี นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์ จังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และสื่อมวลชนในจังหวัดภูเก็ตกว่า 70 คน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

          นายนรภัทร กล่าวว่า จากปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทำให้การท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับผลกระทบ จึงต้องเร่งวางแผนสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวแก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้ออกเป็นประกาศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต เรื่อง กำหนดแนวทางการจัดทำแผน และจัดระเบียบธุรกิจนำเที่ยว เพื่อการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตโดยเคร่งครัด เน้นการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ท่าเทียบเรือทุกแห่ง, กำหนดให้ท่าเรือทั้ง 24 แห่ง ต้องมีผู้จัดการท่าเรือ เพื่อจัดระเบียบการดำเนินงานยกระดับให้มีความเป็นมาตรฐาน โดยเน้นการตรวจเรือ อุปกรณ์ภายในเรือ และอุปกรณ์บนเรือต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนพร้อมใช้งาน, สั่งการให้ทุกท่าเทียบเรือ ติดตั้งกล้อง CCTV ติดป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อเตือนให้นักท่องเที่ยวได้ทราบถึงแนวทางต่างๆ ในการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ, กำหนดให้ทุกท่าเรือมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประจำอยู่ทุกท่าเพื่อตรวจสอบและคุมเข้มก่อนที่จะมีการปล่อยเรือให้ออกจากท่าเรือ, กำหนดจัดตั้งกลุ่ม LINE จัดเก็บข้อมูลระบบพื้นฐานจำนวนเรือที่มีการเข้า-ออก ในแต่ละวัน, ในส่วนของผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวที่จะลงเรือจะต้องมีจุดเช็คพ้อยส์ มีช่องทางลงเรือที่เป็นระเบียบ มีการบันทึกใบหน้าผู้ที่ลงเรือทุกคน โดยมีข้อมูล ชื่อ สัญชาติ เลขที่พาสปอร์ต ที่พักแรม เป้าหมายการเดินทางว่าจะไปที่ไหน, และให้มีการตรวจสอบ Guide และ ไดมาสเตอร์ ที่จะควบคุมดูแลลูกเรือต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

        โดยการดำเนินการจัดระเบียบท่าเทียบเรือดังกล่าว จังหวัดภูเก็ตได้บูรณาการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน มีเป้าหมายเพื่อเป็นการจัดระเบียบและยกระดับความเป็นมาตรฐานของการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเพื่อสร้างความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ว่า เมื่อเดินทางมาจังหวัดภูเก็ต ทุกคนจะได้รับการดูแลที่ดี มีความปลอดภัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญ และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีการจัดระเบียบโดยเร็ว

        นอกจากนี้ จังหวัดภูเก็ต วางแผนปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือท่องเที่ยวอ่าวฉลอง ตั้งงบประมาณกว่า 140 ล้านบาท ดำเนินการ 9 โครงการ เพิ่มมาตรการ ศักยภาพในการรักษาความปลอดภัยพร้อมรองรับการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวด้วย

ฝึกซ้อมความพร้อม

รับมือภัยทางทะเล

         เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยมี พล.ร.ท. สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเข้าร่วม

         นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้เป็นการสมมุติเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุล่มในพื้นที่ ซึ่งได้มีการแจ้งให้ทาง ปภ.จังหวัดทราบ และรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่าน ศรชล.เขต 3 ส่งกำลังจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ลอยคอกลางทะเล พร้อมประสานโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการส่งต่อหากมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ ซึ่งผลการฝึกซ้อมเจ้าหน้าที่สามารถให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจากเรือที่ประสบเหตุให้กลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยทุกคน

         ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้ เป็นการซักซ้อมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ประสบภัยทางทะเลให้มีความเชื่อมั่นในมาตรการการให้การช่วยเหลือประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ประสบภัยต่างๆ

          ทั้งนี้ทางจังหวัดภูเก็ตจะได้มีการฝึกซ้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ประสบภัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความชำนาญของเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐและมูลนิธิต่างๆ ในการเข้าช่วยเหลือเมื่อมีเหตุการณ์ และเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตต่อไป