ศึกชิง “เกาะนาคาน้อย” ส่อบานปลายไม่รู้จบ

         ปัญหาแย่งชิงกรรมสิทธิ์ทำเลทองท่องเที่ยว “เกาะนาคาน้อย”ยืดเยื้อต่ออีก และส่อเค้าหาจุดจบไม่ได้ระหว่างตระกูล “หิรัญพฤกษ์” กับบริษัท ภูเขาหกลูก ล่าสุด ยื่นหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ฝ่ายแรกเคลียร์พื้นที่รุกล้ำลำน้ำ และชายหาดพื้นที่สาธารณะ หลังกีดกันฝ่ายหลัง ไม่ให้ขึ้นไปลงทุนสร้างแลนด์มาร์คใหม่บนพื้นที่ 70 ไร่ที่ถือครอง ยันไม่ใช่พื้นที่ป่า มีเอกสารสิทธิถูกต้อง

         เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.61 นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด กล่าวว่า ตนมีโครงการที่จะทำแลนด์มาร์ค บริเวณริมหาดนาคาน้อย โดยจะนำเทวรูปขนาดใหญ่จากประเทศจีน มาตั้งในพื้นที่ริมหาดนาคาน้อย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้ล่องเรือมาเยี่ยมชมสักการะ โดยจะทำพิธีบวงสรวงวันที่ 14 ธันวาคม 2561

         “ปัจจุบันธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตลดลงไปมาก อาจเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมถึงการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนหดหายไปค่อนข้างมาก การสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนเกาะนาคาน้อยจะเป็นจุดดึงดูดอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ส่วนที่มีกระแสข่าวตนบุกรุกเกาะนาคาน้อย ขอยืนยันว่าพื้นที่ทั้งหมดที่ตนถือครองอยู่ไม่ใช่พื้นที่ป่า เป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน และได้มาโดยมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ส่วนกรณีข้อพิพาทปัญหาการถือครองที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ระหว่างผมกับตระกูลดังบนเกาะเดียวกันนี้ ได้มอบหมายให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการแล้ว” นายชาญวิทย์ กล่าว

          ด้านนายณรงฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ ทนายความ บริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าข้อพิพาทแนวเขตกับครอบครัวตระกูลดังในวงการบันเทิงว่า จากปัญหาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายจึงทำข้อตกลงเพื่อขอให้ทางที่ดินจังหวัด ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมสำรวจรังวัดที่ดินที่คาบเกี่ยวจำนวน 7 ไร่แล้ว โดยกำหนดนัดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาแต่ ปรากฏว่าไม่มีการ สำรวจ รังวัดที่ดินตามที่นัดหมาย และทราบมาภายหลังว่า อีกฝ่ายได้แจ้งขอยกเลิกการสำรวจรังวัดที่ดินไป ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหตุผล ทั้งที่ฝ่ายเราได้เดินทางมาตามนัดหมาย พร้อมเชิญสื่อมวลชนหลายสำนักมาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งคงต้องมีการนัดหมายใหม่อีกครั้ง

          “พื้นที่ 7 ไร่แนวเขตที่ดินเป็นของบริษัท ภูเขาหกลูก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้เป็นที่ต้องห้าม โดยมีหนังสือยืนยันจาก สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่12 สาขา กระบี่ ที่ดินดังกล่าวนี้อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ และนอกเขตป่าไม้ถาวร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบเอกสารการถือครองที่ดินได้” นายณรงฤทธิ์กล่าว

         ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ที่หน้าห้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัด นายณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของนายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา ผู้มีสิทธิครอบครองและผู้ทำประโยชน์ในที่ดินมือเปล่า เนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 5 (เกาะนาคาน้อย) ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือถึงนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ผ่านทาง นายนรินทร์ สงสีจันทร์ ผู้แทนประมงจังหวัดภูเก็ต ที่มาปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้ที่ดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันบริเวณชายหาด หมู่ที่ 5 (เกาะนาคาน้อย) ต.ป่าครอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายหลายกรรมต่างกัน

         นายณรงค์ฤทธิ์  กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 29พฤศจิกายน 2561 ตนพร้อมด้วยนายชาญวิทย์ฯ และบุคคลอื่นๆ อีกหลายคน ได้เข้าไปดูที่ดินที่นายชาญวิทย์ฯครอบครอง และทำประโยชน์อยู่บนเกาะนาคาน้อย แต่ได้รับการโต้แย้ง และห้ามปรามจากผู้ที่อ้างว่า เป็นตัวแทนผู้ดูแลที่ดินของตระกูลหิรัญพฤกษ์ ไม่ยอมให้ขึ้นไปบนเกาะนาคาน้อย โดยอ้างว่า เกาะนาคาน้อยนั้นทางตระกูลหิรัญพฤกษ์ได้รับสัมปทานจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และได้รับสัมปทานจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต จึงหวงห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวน จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากตระกูลหิรัญพฤกษ์ก่อน ซึ่งทางตนมองว่าพื้นที่ที่ถูกห้ามปรามนั้นเป็นบริเวณชายทะเลหรือชายหาด ย่อมเป็นที่ดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ดังนั้นไม่ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตหรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ไม่น่าที่จะมีสิทธิ อำนาจหน้าที่ ที่จะอนุญาตให้ตระกูลหิรัญพฤกษ์ได้รับสัมปทานพื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว

           “ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวอ้างของผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ดูแลที่ดินของตระกูลหิรัญพฤกษ์ด้วย และหากเป็นการกล่าวอ้างเพื่อให้หน่วยงานราชการได้รับความเสียหาย ก็ขอให้มีคำสั่งทางปกครองเพื่อดำเนินการกับผู้กล่าวอ้างด้วย  ตลอดทั้งตามภาพที่เห็น ปรากฏว่าได้มีการก่อสร้างสิ่งรุกล้ำน่านน้ำทั้งสะพานเทียบเรือ แพหรือกระชังขึ้นมาเพื่อกีดขวางทางน้ำ และกีดขวางการใช้ประโยชน์ของบุคคลทั่วไปตลอดทั้งมีการใช้เจ็ทสกีในพื้นที่บริเวณชายหาดเกาะนาคาน้อย เพื่อผู้ประกอบการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งบริเวณดังกล่าวน่าจะเป็นพื้นที่หวงห้ามเกี่ยวกับกิจการเจ็ทสกีเพื่อบริการนักท่องเที่ยว  ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือพื้นที่ที่ประประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร่งด่วน และมีคำสั่งดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดและเด็ดขาดด้วย” นายณรงค์ฤทธิ์กล่าว