ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ยืนยันผลตรวจแกงไตปลาคุณแม่จู้ “ไร้สารกันบูด”

           เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา เวลา 14:00 น. ณ ร้านคุณแม่จู้ ถนนเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดย นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นางวิราวรรณ  เตี่ยวประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการร้านคุณแม่จู้ ,นายธวัช  ใสสม พัฒนาการจังหวัดภูเก็ต ,นางสาวสิริกร  ศรีทอง พัฒนาการอำเภอถลาง และ ว่าที่ร้อยตรีสมภพ ก้อนแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงและยืนยันว่า แกงไตปลาคุณแม่จู้ “ไร้สารกันบูด” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนและกลุ่มผู้บริโภคจากกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้จัดแถลงข่าวว่าตรวจพบสารกันบูดซอร์บิก ในแกงไตปลาแห้งคุณแม่จู้ ที่เกินค่ามาตรฐาน ทำให้ร้านคุณแม่จู้ได้รับความเสียหาย

             นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โรงงานคุณแม่จู้ได้ก่อตั้งมาเป็นเวลาหลายปีแล้วและ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของโรงงานในทุกๆ 3 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจในมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยที่ผ่านมาโรงงานคุณแม่จู้ผ่านการตรวจคุณภาพมาตรฐานได้คะแนนร้อยละ 96.74  โดยสถานที่โรงงานการผลิตของคุณแม่จู้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่องมาทุกๆปี

            นางวิราวรรณ  เตี่ยวประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการร้านคุณแม่จู้ ได้กล่าวถึง  ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการพบสารกันบูดในแกงไตปลาของคุณแม่จู้ นั้น  ทางร้านคุณแม่จู้ ของฝากเมืองภูเก็ต ได้ส่งแกงไตปลาที่ผลิตในรุ่นการผลิตเดียวกันไปทำการตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทันที  ได้ผลสรุปชัดเจนว่า ไม่พบสารกันบูด และ กรดซอร์บิก  ใดๆ โดยมีรายละเอียดผลการทดสอบ ชนิดตัวอย่าง อาหารพร้อมปรุงและพร้อมบริโภค ทั้ง 5 รุ่นการผลิต ดังนี้

  1. LFA19094 ไม่พบกรดเบนโซอิกกรดซอร์บิก กรดซาลิซิลิก และซัคคาริน
  2. LFB19109 ไม่พบกรดเบนโซอิกกรดซอร์บิก
  3. LFA18039 ไม่พบกรดเบนโซอิกกรดซอร์บิก
  4. LFB19001 ไม่พบกรดเบนโซอิกกรดซอร์บิก กรดซาลิซิลิก และซัคคาริน
  5. LFB19004 ไม่พบกรดเบนโซอิกกรดซอร์บิก

           นอกจากนี้  นางวิราวรรณ  ยังได้กล่าวต่ออีกว่า  ทางร้านคุณแม่จู้ได้พัฒนากระบวนการผลิตเพื่อให้อาหารอยู่ได้นานมาตั้งแต่ปี 2549 ที่ได้มาตรฐาน GMP โดยใช้ระบบฆ่าเชื้อแบบ สเตอริไรส์ (Sterilization) ในบรรจุภัณฑ์, การทำให้ปลอดเชื้อในบรรจุภัณฑ์ ,การบรรจุแบบปลอดเชื้อ (aseptic packaging system) โดยใช้ความร้อน 121 องศาเซลเซียส ค่าความดัน 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว  ทั้งนี้ (PSI) ฆ่าเชื้อนาน 37 นาที กระบวนการผลิตทั้งหมดเป็นไปตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 355 พุทธศักราช 2556 เลือกอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ซึ่งทางบริษัทมีการควบคุมกระบวนการผลิตให้อยู่ในข้อกำหนดของกฎหมายทุกครั้ง คือ ไม่ให้มีวัตถุกันเสียและไม่มีจุลินทรีย์ ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในระหว่างการเก็บที่อุณหภูมิปกติ ซึ่งมีการสุ่มตรวจสินค้าทางด้านชีวภาพและเคมีที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์หรือห้องปฏิบัติการกลางที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและให้สอดคล้องกับระบบมาตรฐานสากล ISO 9001 ที่ทางบริษัทจัดทำอยู่

            ส่วนผลจากการที่บริษัทส่งตรวจผลิตภัณฑ์ในทุกๆปีนั้นก็ไม่เคยพบการใช้วัตถุกันเสียเลย วันนี้ทางบริษัทขอนำเสนอผลการตรวจสอบที่ผ่านมาย้อนหลังไป 4 ปี คือ ผลการตรวจปี 2558 ไม่พบสารกันบูดปี 2559 ไม่พบสารกันบูดปี 2560 ไม่พบสารกันบูด ในปี 2561 ก็ไม่พบสารกันบูด และปี 2562 (ปีนี้)  ก็ไม่พบสารกันบูดเช่นกัน โดยที่ผ่านมาทางบริษัทได้ ให้ความสำคัญในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้บริโภคโดยตลอด

            ทางด้าน กรณีที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคออกมาให้ข่าวว่าได้สุ่มตรวจพบมีสารกันบูดในแกงไตปลา จากร้านคุณแม่จู้ จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อทางบริษัทร้านคุณแม่จู้เป็นอย่างมาก และส่งผลต่อยอดขายลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งสินค้าที่ขายทางออนไลน์ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ทางร้านจึงขอยืนยันว่าไม่มีสารกันบูด และสารปนเปื้อนในสินค้าแกงไตปลา  จึงได้ติดไปทางมูลนิธิฯ เพื่อแจ้งให้ทราบการรายงานผลและข้อมูลการตรวจสินค้าที่รับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แก่ทางมูลนิธิฯแล้ว และได้ขอให้ทางมูลนิธิฯทำการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนรับทราบว่า “ร้านคุณแม่จู้” ไม่ใส่สารกันบูดในแกงไตปลา และขอยืนยันว่าสินค้าจากทางร้านคุณแม่จู้ปลอดภัย ผ่านมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทางมูลนิธิฯจะชี้แจงและขอโทษที่แถลงข่าวผิดพลาดพร้อมกับจะประชาสัมพันธ์ผ่านทุกสื่อ รวมถึงจะมีการแถลงข่าวเพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใส่สารกันบูดใด ๆ ทั้งสิ้น นางวิราวรรณ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด