หอการค้าริยาดหารือความร่วมมือการค้า–การลงทุน พร้อมดึงศักยภาพคนไทยสู่ซาอุดิอาระเบีย

หอการค้าริยาดหารือความร่วมมือการค้า–การลงทุน พร้อมดึงศักยภาพคนไทยสู่ซาอุดิอาระเบีย

         วันนี้ 14 พฤศจิกายน 2568) เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรอง ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสุวิทย์ พันธ์เสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานให้การต้อนรับและร่วมประชุมกับคณะหอการค้าริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเดินทางมาประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย–ซาอุดิอาระเบีย โดยมีนายณรงค์ อ่อนอินทร์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต นางสาววรนิษฐ์ อภิรัฐจิรวงษ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต นายสรายุทธ มัลลัม นายสัจจพล ทองสม นายสุขแจนซิงห์ เศรษฐี รองประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นางสาวสุนีย์รัตน์ รุจีมาศ รอง ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และคุณธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมต้อนรับคณะผู้แทนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประกอบด้วย Mr. Mansour Al-Ajmi Director of International Cooperation Dept., Riyadh Chamber, Mr. Alam Munin President & Chairperson of the Board, TME Institute, Mr. Fairoz Yupensuk Vice President & Chairperson for International Strategy, TME Institute และ Dr. Koddaree Binsen President of the Southern Border Provinces Advisory Council for Administration and Development

.
บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยฝ่ายซาอุดิอาระเบียย้ำถึงความตั้งใจในการนำศักยภาพและความเป็นมืออาชีพของแรงงานไทย โดยเฉพาะด้านท่องเที่ยว โรงแรม และการบริการ ไปช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้กระจายรายได้สู่หลายอุตสาหกรรม นอกเหนือจากน้ำมันที่เป็นรายได้หลักในปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังยืนยันว่าแนวทางการลงทุนทั้งในไทยและซาอุดิอาระเบีย ต้องตั้งอยู่บนหลักการสำคัญคือ เจ้าของประเทศต้องได้รับประโยชน์สูงสุด โดยชี้ว่าในอดีตมีนักลงทุนต่างชาติหลายรายเข้ามาภูเก็ต แต่ยังคงมี “ช่องที่ทำได้อย่างถูกกฎหมาย” และควรดำเนินการในลักษณะที่คนไทยยังเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์หลักของพื้นที่

.
ในด้านการท่องเที่ยว คณะหอการค้าริยาดกล่าวถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวซาอุฯ ที่นิยมเดินทางเป็นครอบครัวและมีมาตรฐานการเข้าพักที่ช่วยเพิ่มรายได้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เช่น การพักแบบแยกห้องต่อคน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ไทย โดยเฉพาะภูเก็ต จะสามารถต่อยอดในฐานะเมืองปลอดภัยและเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เนื่องจากทั้งไทยและซาอุดิอาระเบียมีจุดร่วมเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ “ซื้อไม่ได้” แต่ต้องเกิดจากจิตสำนึกและความรับผิดชอบของเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ

.
นอกจากนี้ คณะจากซาอุดิอาระเบียยังเชิญชวนประเทศไทยเข้าร่วมงาน Expo 2030 ที่กรุงริยาด รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในอนาคต พร้อมเปิดเผยว่าภายใน 3 เดือนข้างหน้า ซาอุดิอาระเบียจะเปิดตัวสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งต้องการแรงงานคุณภาพจากไทยเข้าร่วมทำงานและพัฒนาโครงการสำคัญดังกล่าว โดยระบุว่า “ซาอุฯ ไม่ได้มองไทยเป็นแรงงานเหมือนในอดีต แต่เห็นถึงศักยภาพที่สามารถยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการร่วมกันได้”
.
ด้านตัวแทนหอการค้าไทยและภาคธุรกิจภูเก็ต ได้เสนอประเด็นเรื่องการขออำนวยความสะดวกด้านวีซ่า เพื่อให้คนไทยเดินทางเข้าซาอุดิอาระเบียได้สะดวกขึ้นเช่นเดียวกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งฝ่ายซาอุฯ รายงานว่าการทำวีซ่าปัจจุบันเป็นไปอย่างง่ายและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังย้ำว่าซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่มีศักยภาพท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงเป็นความร่วมมือที่สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว

.
การหารือครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองประเทศในการขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะนำไปสู่โอกาสใหม่ทั้งการดึงผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในซาอุดิอาระเบีย และการเปิดประตูให้นักลงทุนซาอุฯ เข้ามาร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยภายใต้หลักการที่คนไทยต้องได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรม ทั้งยังนับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย–ซาอุดิอาระเบียให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในอนาคต

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ภาพ-ข่าว