ภาคเอกชนภูเก็ตจับมือ 24 องค์กร ติดตามความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐาน–คมนาคม ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองต่อเนื่องเรียกร้องเร่งรัดโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” ดำเนินการตามแผนเดิม

ภาคเอกชนภูเก็ตจับมือ 24 องค์กร ติดตามความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐาน–คมนาคม ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองต่อเนื่องเรียกร้องเร่งรัดโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” ดำเนินการตามแผนเดิม

        วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2568) ณ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด — นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และนายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำตัวแทนภาคเอกชนรวม 24 องค์กรในจังหวัดภูเก็ตร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด

       นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร กล่าวว่า ภาคเอกชนภูเก็ตได้ร่วมกันติดตามปัญหาและแนวทางพัฒนาระบบคมนาคมของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถนนสายหลักหมายเลข 402 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเข้าสู่จังหวัด ปัจจุบันแขวงทางหลวงภูเก็ตได้ทดลองปรับรูปแบบทางแยกและจุดกลับรถแบบชั่วคราว รวม 10 จุด ทำให้สามารถลดระยะเวลาเดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ตถึงแยกบางคู จากเดิมเฉลี่ย 60 นาที เหลือเพียง 40 นาที

        อย่างไรก็ตาม ปัญหาการจราจรบนถนนสาย 402 ยังคงมีจุดตัดและทางแยกจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการขนส่งในพื้นที่ จำเป็นต้องเร่งผลักดันแนวทางการแก้ไขใน 3 ระยะ ได้แก่

ระยะเร่งด่วน: ปรับปรุงจุดกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 402 และพัฒนาโครงข่ายถนนทางเลือกเข้าสู่ตัวเมือง โดยกรมทางหลวงรับผิดชอบขยายถนนหมายเลข 4027 ให้เป็น 4 ช่องจราจร และปรับปรุงทางเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานภูเก็ต

ระยะสั้น: ผลักดันโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้–ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. และระยะที่ 2 ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต–กะทู้ ระยะทาง 30.62 กม.

ระยะต่อเนื่อง: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอีก 5 โครงการ ได้แก่

1. การออกแบบและก่อสร้างสะพานสารสินแห่งใหม่
2. โครงการรถไฟ MR9 สุราษฎร์–ภูเก็ต
3. รถไฟสายใหม่ ทับปุด–กระบี่
4. ระบบขนส่งมวลชนรางเบา (Light Rail Phuket)
5. โครงการท่าอากาศยานอันดามัน

        นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเหล่านี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับศักยภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวระดับโลก พร้อมทั้งกระจายความเจริญสู่พื้นที่รอบนอก

       ขณะที่ นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) จังหวัดภูเก็ตมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวกว่า 398,900 ล้านบาท คาดว่าครบปีจะทะลุ 500,000 ล้านบาท โดยตลาดยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงเดือนตุลาคม 2568 – มกราคม 2569 มีการเปิดเส้นทางบินตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น มุมไบ (อินเดีย) และปารีส (ฝรั่งเศส) พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมระดับนานาชาติ เช่น

มหกรรมศิลปะร่วมสมัยภูเก็ต (พ.ย. 2568 – เม.ย. 2569)

มหกรรมดนตรี EDC Thailand

การแข่งขันนวดแชมป์เอเชีย (ม.ค. 2569)

งาน PRIDE Phuket และ Global Wellness Summit

         นายธเนศยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคือ “ความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก” โดยเฉพาะการจัดระเบียบรถเช่า ซึ่งควรมีกฎหมายควบคุมให้ผู้เช่ารถต้องมีใบขับขี่สากล เพื่อความปลอดภัยและลดปัญหาอุบัติเหตุ

       สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ปัจจุบันมีศักยภาพรองรับผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี แต่ให้บริการจริงกว่า 15 ล้านคน มีเพียงรันเวย์เดียวและหลุมจอด 25 หลุม ขณะที่ฤดูกาลท่องเที่ยวมีเที่ยวบินขึ้น–ลงกว่า 400 เที่ยวต่อวัน ซึ่งเกินขีดความสามารถของสนามบิน
ดังนั้น ภาคเอกชนจึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพัฒนาและขยายท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ตให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 18 ล้านคนต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในอนาคต

เรียกร้องเร่งรัดโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” ดำเนินการตามแผนเดิม

    นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวปิดท้ายว่า ภาคเอกชนภูเก็ตมีความห่วงใยและติดตามความคืบหน้าโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันการจ่ายค่าเวนคืนที่ดินให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดำเนินการแล้วกว่า 90%

       จากการที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ทำ Workshop ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต และมีแนวคิดอยากให้ปรับรูปแบบโครงการ คือ จากเดิมเป็นโครงการดังกล่าว มีการกำหนดอัตราค่าผ่านทาง รถจักรยานยนต์ 15 บาท และรถยนต์ 40 บาท ทั้งนี้ท่านรัฐมนตรีคมนาคม มีแนวทางอยากให้เปิดให้บริการฟรี ดังนั้นมีแผนอาจปรับขนาดอุโมงค์จากเดิมกว้าง 17 เมตร เหลือ 10 เมตร นั้น

       “ในประเด็นนี้ ในส่วนของภาคเอกชนมีความกังวลว่า หากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาจทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีก 4–5 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองและความปลอดภัยของประชาชน” นายก้องศักดิ์กล่าว พร้อมย้ำว่า

       “ภาคเอกชนและภาคประชาชนของจังหวัดภูเก็ตขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินโครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองต่อไปตามแผนเดิม และให้หามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่สามารถจ่ายค่าทางด่วนได้ เช่น การอุดหนุนค่าผ่านทางบางส่วน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง แต่อุโมงค์ต้องเกิดขึ้นจริงครับ”

      นอกจากนี้ ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงถนนพระบารมี ซึ่งเป็นเส้นทางทางเลือกให้มีความปลอดภัยและลดความลาดชัน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางระหว่างกะทู้และป่าตองในระหว่างรอโครงการหลัก

       ทั้งนี้ โครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองมีมติอนุมัติเมื่อปี 2564 แต่ไม่มีเอกชนร่วมลงทุน จึงมีการปรับให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการเอง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน กุมภาพันธ์ 2570

       ด้าน นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่า ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องการให้โครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองดำเนินไปตามระยะเวลาและแผนเดิมของรัฐบาล เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

       ขณะที่ นายมนต์ทวี หงษ์หยก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า หากโครงการอุโมงค์กะทู้–ป่าตองเกิดขึ้นจริง จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ พร้อมระบุว่า หากมีการลดขนาดอุโมงค์ตามข้อเสนอใหม่ อาจทำให้ช่องทางของรถจักรยานยนต์หายไป ซึ่งจะไม่ตอบโจทย์การเดินทางของคนภูเก็ตอย่างแท้จริง

      ภาคเอกชนภูเก็ตยืนยันเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางอากาศ ควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดโครงการ “อุโมงค์กะทู้–ป่าตอง” และการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยวระดับโลกในอนาคต