การพัฒนาทักษะด้านภาษาเพื่อการใช้งานจริง สำคัญสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่

          ในยุคไทยแลนด์ 4.0 มีธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะประสบความสำเร็จในตลาด และก้าวไปได้ไกลในระดับนานาชาติ 3 เซเลบรุ่นใหม่ นักธุรกิจ 4.0 ที่ประสบความสำเร็จจากสตาร์ทอัพ แอพพลิเคชั่นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมือง มาเฉลยให้ฟังชัดๆ ในวันนี้ว่าเคล็ดลับที่แท้จริงก็คือ การพัฒนาด้านภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะด้านภาษาเพื่อการใช้งานจริง สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ และคนทำงานรุ่นใหม่

        เชาวนนท์ คลังเปรมจิตต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อิงกู (ไทยแลนด์) จำกัด ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเทรนด์การเรียนภาษาอังกฤษทั่วโลกเปลี่ยนไปสู่การเรียนเพื่อการใช้งานจริงมากขึ้น จากเดิมที่เน้นการเรียนเพื่อการวัดระดับเพียงอย่างเดียว เพราะทักษะภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทั้งในส่วนของตัวบุคคลเอง และในส่วนของการพัฒนาธุรกิจ
“การที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีนั้น สิ่งสำคัญคือจำเป็นต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่อยากเก่งภาษาอังกฤษ หาเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษ และหมั่นฝึกฝน พูดคุยสนทนากับครูชาวต่างชาติอย่างสม่ำเสมอแล้วทุกท่านจะประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง”         เชาวนนท์ กล่าว

        ด้าน “บิ้น” พิรชัย เบญจรงคกุล CEO&Co-Founder บริษัท บูมพอว์ จำกัด กล่าวว่า ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญในการทำงาน และการทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันการที่ธุรกิจสตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จได้จำเป็นต้องมองโลกให้กว้างขึ้น มองหาโอกาสเพิ่มเติมจากตลาดต่างประเทศด้วย ยิ่งสำหรับประเทศไทยแล้ว เรียกได้ว่าเป็นฮับของอาเซียน การทำตลาด หรือพัฒนาธุรกิจให้ตอบสนองและเป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวต่างชาติจึงจะสามารถเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้มากขึ้น และการจะไปถึงจุดนั้นได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการติดอาวุธทางปัญญาด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ
“การที่เราสามารถเรียนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาก็อยู่ที่ตัวเราเองแล้วครับ ว่าจะตั้งใจฝึกฝนแค่ไหน บางคนอาจจะคิดว่าเรียนจบต่างประเทศมาไม่จำเป็นต้องฝึกแล้ว เก่งแล้ว แต่ผมอยากจะบอกว่า ต่อให้เก่งแค่ไหน ถ้าไม่ได้ฝึกฝนเป็นประจำก็คล่องน้อยลงได้นะครับ ผมอยากให้สตาร์ทอัพไทยที่มีศักยภาพสูงประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง อย่างในต่างประเทศสตาร์ทอัพหลายๆ รายมีไอเดียมากมาย พอทำขึ้นมาแล้วก็มีนักลงทุนมาขอซื้อธุรกิจด้วยตัวเลขที่น่าพอใจมากๆ จากนั้นก็นำเงินลงทุนส่วนนั้นไปต่อยอดทำธุรกิจอื่นๆ ต่อไป ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากขาดความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ จึงอยากฝากไว้ว่าอย่ามองข้ามการพัฒนาด้านภาษากัน” พิรชัยกล่าว

          ขณะที่ “ปรางค์” อภินรา ศรีกาญจนาหนึ่งในผู้ริเริ่มกับกลุ่มผู้ถือหุ้น ยู ดิ้งค์ ไอ ไดรฟ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังเป็นที่สนใจ และคนไทยก็มีไอเดียทางธุรกิจที่ดีมาก มีความสามารถด้านการพัฒนานวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่ไม่แพ้ใคร เราสามารถพัฒนาต่อยอด หาผู้ร่วมทุนต่างชาติได้ และสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากความคิดสร้างสรรค์ การนำนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีมาใช้แล้ว ก็คือจุดแข็งด้านภาษาอังกฤษที่ทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขวางขึ้น
“ประเทศเรามีชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะนอกจากในแง่ปริมาณแล้ว ยังนับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพ มีกำลังซื้อสูงอีกด้วย การเพิ่มจุดเด่นด้านภาษา เพิ่มความง่ายในการใช้งาน และการติดต่อสื่อสาร จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราเป็นตัวเลือกในการใช้บริการของเราอีกด้วย” บอสสาว กล่าว


อ่านต่อได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/265966

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น