จี้ตรวจเรือประมงเข้ม ต้องปฏิบัติตามกฎ EU

         รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ภูเก็ต จี้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบเรือประมง ให้เข้มงวด ทำเป็นทีม เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing ว่าภูเก็ตเป็นเป้าหมายของ กมธ.EU จะเดินทางมาตรวจสอบกลางเดือนนี้ บอกตรวจหมดกระทั่งเวลาเรือเข้าออก จำนวนเรือ แรงงาน ค่าจ้างแรงงาน

          เมื่อเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 09.00 น.เศษ พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาให้กำลังใจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบเรือประมง เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing ที่สำนักงานท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต องค์การสะพานปลาโดยมี นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต, นายวัชรินทร์ รัตนะชู ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมแจ้งเข้าออกเรือแระมงเขต 3 ภูเก็ต, นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต, นายธีรวัฒน์ จริตงาม หัวหน้าด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดภูเก็ต และนายกรกฎ เภรีภาศ ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและรายงานข้อมูล

         โอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีได้ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออก เรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต)  และงานที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจเรือประมงให้มีการดำเนินการให้ถูกตามกฎหมาย พร้อมทั้งได้ลงเรือประมงเพื่อไปตรวจสอบ ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิดด้วย

         พล.อ. ฉัตรชัย กล่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเดินทางมาดู และให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเรือประมง อยากให้ทุกภาคส่วนได้พูดคุยบอกเล่าปัญหาอุปสรรคร่วมกัน เพราะอยากเห็นการทำงานมีประสิทธิภาพ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดเป้าหมายที่คณะกรรมาธิการ สหภาพยุโรปEU จะเดินทางมาติดตามตรวจสอบความ คืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของจังหวัดภูเก็ต ในช่วงกลางเดือน ตุลาคม 2561  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันพัฒนาตรวจสอบกระบวนการทำประมงให้มีความถูกต้องครบถ้วนมีประสิทธิภาพ 100% โดยเฉพาะทีมงานจะต้องรู้กระบวนการปฏิบัติงานชัดเจนละเอียด และถูกต้อง โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลเชิงลึกของเรือที่จะเทียบท่าเข้ามา ต้องทำการตรวจเวลาการแจ้งเข้า เวลาการแจ้งออกของเรือ จำนวนลูกเรือประมงแรงงานในเรือประมงให้มีความถูกต้อง และ ตรวจสอบค่าจ้างที่แรงงานจะได้รับ โดยนำระเบียบทางกฎหมายมาใช้ในการดำเนินการ ให้การทำประมงของประเทศไทยถูกกฎหมายควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม คือการร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลให้ฟื้นกลับคืนมาสมบูรณ์ เพื่อให้อาชีพประมงและการทำประมงไทยมีความยั่งยืน

         อย่างไรก็ตาม ผลจากการเดินทางในมาในวันนี้ ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ด้วยความตั้งใจ รู้จักทำงานเป็นทีมบูรณาการร่วมกันได้เป็นอย่างดี