“ชุดอรินทราช”ลุยภูเก็ต ปฏิบัติการสร้างความเชื่อมั่น

         ผบช.ตร.ท่องเที่ยว ส่ง รองฯ สุรเชษฐ์ฯ นำชุดอรินทราช สนธิกำลังทุกหน่วยงานงานทั้งจากส่วนกลาง และพื้นที่เข้าปฏิบัติการ ตามแผนยุทธการ “สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว” กวาดล้างผู้มีอิทธิพล กลุ่มอาชญากรรมทุกประเภท15 จุด ทั่วเกาะภูเก็ต โดยเฉพาะสถานประกอบการธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่ผิดกฎหมายทุกประเภท ทั้งมาเฟียคนผิวสีอยู่เกินกำหนด ยาเสพติด อาวุธสงคราม แม้กระทั่งการพนันโต๊ะบอล รวบผู้ต้องหา 28 รายในส่วนจังหวัดภูเก็ตถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี2560 พร้อมจัดทำแผนปี 61 เพื่ออุดช่องว่างในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นทั้งป้องกัน และปราบราม ให้ลดได้ตามเป้า

       เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2560 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล รักษาราชการแทน รอง ผบช.ทท. นำกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ด่านตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ ตำรวจ 191  ชุดอรินทราช สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมักคุเทศ สำนักงานทะเบียนการค้า พาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมฝ่ายปกครอง ทหารในพื้นที่ปฏิบัติการตามแผนยุทธการสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต

         โดยทำการตรวจสอบบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้อง กับการให้บริการนักท่องเที่ยว เช่น บริษัทให้บริการดำน้ำ สอนดำน้ำ 4 จุด รอบๆ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต รวมทั้งลงไปตรวจสอบบนเรือที่นำนักท่องเที่ยวไปเรียนดำน้ำ สปาสถานพยาบาล สถานที่เปิดให้บริการรับแทงพนันฟุตบอล และอื่นๆ รวมทั้ง หมด 15 จุด โดยมีการกระจายกำลังไปทุกพื้นที่ ในการตรวจค้นตรวจสอบ

         พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทางตำรวจท่องเที่ยวได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยเข้าปฏิบัติการตามแผนยุทธการ ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงนี้จะเห็นมีมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนมาก เพราะเป็นวันหยุดยาวของชาวจีน และจากการประเมินสถานการณ์ทางการท่องเที่ยวในช่วงเดือนต.ค. เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกจำนวนมากโดยเฉพาะชาวจีนเชื่อว่าทั้งประเทศไม่น่าจะต่ำกว่า 6 แสนคน คาดจะทำรายได้ให้ประเทศไม่น่าจะตำกว่า 3 หมื่นล้านบาทจากการเปรียบเทียบตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้ว พบว่าปีนี้มีจำนวนนักที่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นถึง 35 %

         สำหรับการลงพื้นที่วันนี้ เน้นตรวจสอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น มาเฟีย  อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด การเล่นพนันฟุตบอล ธุรกิจที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจดำน้ำ สปา  และอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกหลอกลวง ชีวิตทรัพย์สินมีความปลอดภัย และกล้าที่จะตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว โดยวันนี้มีเป้าหมายในการตรวจสอบทั้งสิ้น 15 จุด ซึ่งขณะนี้มีการแบ่งกำลังออกปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว

         ส่วนตนขอลงตรวจสอบในส่วนของการบริการที่เปิดดำเนินกิจการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการสอนดำน้ำ การพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ตรวจสอบเรื่องของการจดทะเบียนบริษัท การจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว รวมทั้งตัวบุคคลที่เข้ามาสอน ไกด์ รวมทั้งเรื่องของการทำประกันชีวิตให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตจากการดำน้ำจำนวนมาก เนื่องจากบริษัทบางแห่งเป็นของชาวต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ และเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทย ทำให้คนไทยไม่มีที่ยืน ซึ่งในเบื้องต้นมีการตรวจสอบจำนวน 4 บริษัท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียดของแต่ละบริษัท ว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีบางบริษัทส่งลูกค้าลงเรือไปแล้วแต่ไม่ทำประกันชีวิตให้ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกันต่อไป

         นอกจากมีการลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทต่างๆในพื้นที่แล้ว ในช่วงค่ำวันเดียวกัน จะมีการสนธิกำลังปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ร่วมกันที่หาดป่าตอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวโดยผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะเดินทางมาเป็นเป็นประธานปล่อยแถวด้วยตนเอง

         ต่อมาเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน (ที่ 11 ต.ค.60) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท., พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท., พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3,  ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.นฤบดินทร์  ปังหลีเส็น สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2บก.ทท.3, เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ข้อหารับแทงพนันบอล คือ 1.นายบุลิน แซ่หลิม อายุ 27 ปี ที่อยู่ 86 ม.7 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 2.นายภาสกร พุ่มอ่อน อายุ 26 ปี ที่อยู่ 130/44 ม.5ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต 3.นายรังสรรค์ หมื่นพัน อายุ 24 ปี ที่อยู่ 161/25 ถ.วิชิตสงคราม ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และ 4.นายชนะ แซ่เอี๋ยว อายุ 38 ปี ที่อยู่ 390 ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางคือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อBENQ จำนวน 12 เครื่อง ซีพียู จำนวน 6 เครื่องคีย์บอร์ด  จำนวน 6 อัน เมาท์ จำนวน 6 อัน เอกสารรายชื่อลูกค้าพร้อมรายละเอียด จำนวน 3 ชุด เครื่องคิดเลขยี่ห้อแคนนอล จำนวน 1 เครื่อง บัตรเอ.ที.เอ็ม ธนาคารต่างๆ จำนวน 3 ใบ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆจำนวน 4 ฉบับ  สมุดจดแจกโบนัสหวย จำนวน 1 เล่ม สมุดจดรายการนาทีทอง จำนวน 1 เล่มสมุดจดรายการ NEW USER จำนวน 1 เล่ม สมุดบันทึกวิธีใช้งาน USER จำนวน 1 เล่ม โทรศัพท์ ยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ ยี่ห้อเอ็สซุส จำนวน 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 59/25 ม.6ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต

         สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ให้หน่วยงานความมั่นคงทหารตำรวจสนธิกำลังกันปราบปรามอาชญากรรม อย่างจริงจัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ซึ่งได้ร่วมกันวางแผนและสืบสวนร่วมกันเพื่อกวาดล้าง การลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่โดยสืบทราบว่ามีการพนันรับทายผลพนันฟุตบอลออนไลน์คอลเซนเตอร์ UFATH จึงได้ทำการตรวจสอบ IP ADDRESS ที่ทำการเล่นพนันพบว่า ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่59/25 ม.6ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้เข้าจับกุมในที่สุด

         อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจัดให้มีการลักลอบเล่นการพนัน(ฟุตบอลออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต)โดยรับเป็นเจ้ามือรับกินรับจ่ายพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

         ขณะเดียวกันเวลา 16.00 น.ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (สถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต) พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติ ตามยุทธการ สร้างความเชื่อมั่น ในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวว่า

         ในวันนี้ ตำรวจท่องเที่ยวได้สนธิกำลังตำรวจท้องที่ ทหาร สรรพากร ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และคุ้มครองผู้บริโภค ได้กระจายกันออกตรวจค้นทั่วเมืองภูเก็ต รวม 7 จุด ทั้งสถานประกอบการเรือท่องเที่ยว แท็กซี่ สถานประกอบการสุขภาพ สถานประกอบการสอนดำน้ำที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสปา และ ห้องเช่า รวมถึงอพาร์ตเม้นต์ เพื่อกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด สถานประกอบการสุขภาพที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. และ เพื่อกวาดล้างคนผิวสีที่อยู่เกินกำหนด

         ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 28 คน เป็นนักท่องเที่ยวผิวสี ทั้งชาว เคเมอรูน อินเดีย อัลจีเรีย ไนจีเรีย อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด รวมจำนวน 4 คน หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 4 คน เป็นชาวยูกันดา จับกุมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด 11 คน พ.ร.บ.อาวุธปืน 2 คน พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ 4 คน พ.ร.บ.การเดินเรือ 1 คน พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว 1คน และจับกุมผู้ต้องหา 1 คนจากการตรวจค้นสถานประกอบการพยาบาล ข้อหาเป็นยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา ยาไม่มีเลขที่ อย.

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายในการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของทะเลอันดามัน ประกอบกับมีเกาะโดยรอบที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวมาจากหลายประเทศเป็นจำนวนมาก

         ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงในภาครัฐได้มีความเข้มงวดในการสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังปรากฏการร้องเรียนถึงการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และมีการตั้งกลุ่มแก๊งในพื้นที่อยู่อีก เช่น การเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถสาธารณะ กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด แฝงตัวสร้างอิทธิพลในพื้นที่ ตั้งกลุ่มแก๊งมั่วสุมและจำหน่ายยาเสพติด รวมถึงการก่ออาชญากรรมต่างๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้กระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

         อย่างไรก็ตาม จากมาตรการตรวจค้นกวาดล้างอาชญากรรม ซึ่งมีผลปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจ ยืนยันว่าในปีแห่งการท่องเที่ยว ที่จะเริ่มขึ้นในปีหน้านี้ จะต้องไม่มีปัญหาอาชญากรรมหรืออาวุธปืนเถื่อนและมาเฟียที่คอยเอาเปรียบคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

         ต่อมารุ่งขึ้น (ที่ 12 ต.ค.60) ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปีงบประมาณ 2560 และการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดภูเก็ต ปีงบประมาณ 2561 โดยมีส่วนกลางที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

         นายสนิท กล่าวว่า การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปีงบประมาณ 2560 เพื่อเป็นการสรุปปัญหาและอุปสรรคในปีงบประมาณที่ผ่านมาและเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเสพติดของจังหวัดภูเก็ตมีความเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในจังหวัดภูเก็ตให้ลดลง โดยยาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตคือพืชกระท่อม ยาบ้า ยาไอซ์ ตามลำดับ สำหรับในส่วนของการปราบปราม ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการกวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง การให้ความรู้แก่เยาวชนกลุ่มเสี่ยงตามสถานศึกษาต่างๆ ตลอดจนกลุ่มเยาวชนและตัวแทนชุมชนในทุกชุมชนที่เป็นจุดเสี่ยงและเป็นพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีการจัดค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยนำผู้เสพมาบำบัด ซึ่งจะทำให้การแพร่ระบาดของยาเสพติดลดลง

         สำหรับแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในปีงบประมาณ 2561 ก็ได้มีการเน้นทั้งการป้องกันและปราบปรามโดยให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนให้ครอบคลุมในทุกๆด้าน เพื่อให้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในจังหวัดภูเก็ตให้ลดลงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้