ซอยด๊อกร้องขอผู้ว่าฯ​ ยกเลิกคำสั่งการลงพื้นที่กลุ่มอาสาในการช่วยเหลือสุนัข​ ที่บ้านพักพิงสุนัขจรจัด​ หวั่น​การแพร่เชื้อโรคติดต่อ​จะก่อให้เกิดเป็นบริเวณกว้าง​ อาจยากแก่การควบคุมโรคได้

ซอยด๊อกร้องขอผู้ว่าฯ​ ยกเลิกคำสั่งการลงพื้นที่กลุ่มอาสาในการช่วยเหลือสุนัข​ ที่บ้านพักพิงสุนัขจรจัด​ หวั่น​การแพร่เชื้อโรคติดต่อ​จะก่อให้เกิดเป็นบริเวณกว้าง​ อาจยากแก่การควบคุมโรคได้

         ซอยด๊อกร้องผู้ว่าฯ ภูเก็ตอนุญาตกลุ่มอาสาเข้าพื้นที่บ้านพักพิงสุนัขจรจัด​ จากเหตุกลุ่มจิตอาสาบ้านพักพิงสุนัขจรจัดจังหวัดภูเก็ต​ ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต​ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม​2564​ ที่ผ่านมา

          กรณีที่ทางบ้านพักพิงสุนัขจรจัดปิดรับการช่วยเหลือของกลุ่ม​ โดยมี​ ว่าที่​ ร.ต.วิกรม จากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต​ เป็นผู้รับเรื่องและส่งต่อให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ​ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป​ โดย มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เห็นชอบการยื่นหนังสือร้องเรียนของกลุ่มจิตอาสาและร่วมเรียกร้องให้​ นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัด​ภูเก็ต​ อนุมัติเปิดบ้านพักพิงฯให้กลุ่มจิตอาสาได้เข้าช่วยเหลือสุนัข​ เพื่อสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขในบ้านพักพิงต่อไป

         บ้านพักพิงสุนัขจรจัดจังหวัดภูเก็ต​ ขอความร่วมมือบุคคลภายนอกงดเข้าพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มจิตอาสาดังกล่าว​ ไม่สามารถให้การดูแลและช่วยเหลือสุนัขได้ ซึ่งรวมถึงซอยด๊อกที่ก่อนหน้านี้ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่บ้านพักพิงฯ เพื่อรักษาและตรวจสุขภาพของสุนัขเช่นกัน และในเดือนมกราคมที่ผ่านมา​ ได้รับแจ้งจากกรมปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต​ ว่า​ขอความร่วมมืองดเข้าพื้นที่ โดยผู้แทนซอยด๊อกได้แสดงความกังวลว่าหากสุนัขไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง​ อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพของสุนัขในระยะยาวและการบริหารจัดการในแต่ละวันของเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก​ เมื่อเทียบกับจำนวนสุนัขหลักพันตัว

          ซอยด๊อกได้ดำเนินการโครงการฉีดวัคซีนประจำปี​ ให้แก่สุนัขที่บ้านพักพิงฯ มาตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยจัดทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่​ เพื่อฉีดวัคซีนแก่สุนัข​ จำนวน 600 – 1,000 ตัวทุกปี ประกอบด้วยวัคซีนรวม 5 โรค​ ที่จำเป็นและวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงทำหมันสุนัขและจัดส่งหน่วยบริการด้านสวัสดิภาพสัตว์ของมุลนิธิฯ ไปรักษาสุนัขในบ้านพักพิงฯ เป็นประจำทุกวันพุธ โดยในปีที่ผ่านมาได้รักษาสุนัข 4,600 เคส​ และส่งสุนัขกว่า 250 ตัว​ เพื่อรักษาต่อที่โรงพยาบาลของมูลนิธิฯ สำหรับปีพ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ซอยด๊อกยังไม่สามารถลงพื้นที่ได้และขณะนี้เลยกำหนดการฉีดวัคซีนประจำปี​ ซึ่งคือช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสุนัขและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ อีกด้วย โดยมูลนิธิฯ ได้ส่งหนังสือขออนุญาตเข้าพื้นที่เพื่อฉีดวัคซีนประจำปีแล้วแต่ได้รับการปฎิเสธโดยกรมปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต​ ชี้แจงว่าเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยจากโควิด-19

           สุนัขที่อยู่รวมกันจำนวนมาก​ ยังมีความเสี่ยงติดโรคติดต่อที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคลำไส้อักเสบ (พาร์โวไวรัส) และโรคไข้หัดสุนัข ซึ่งจำเป็นต้องแยกสุนัขตัวที่ป่วยออกจากตัวที่สุขภาพดี​ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ การจำกัดพื้นที่​ ไม่ให้จิตอาสาและมูลนิธิฯ เข้าไปช่วยเหลือและตรวจสุขภาพสัตว์​ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าสุนัขเหล่านี้​ อาจจะแพร่เชื้อโรคติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างและอาจยากแก่การควบคุมโรคได้ โดยมูลนิธิฯ ได้รับแจ้งจากบ้านพักพิงฯ ว่าหากมีสุนัขที่เจ็บป่วยจะประสานงาน​ เพื่อนำส่งรักษาที่ซอยด๊อกต่อไป​ ซึ่งจากที่ผ่านมาก่อนจะถูกสั่งห้ามลงพื้นที่​ ยังมีสุนัข​ป่วยอยู่ ประมาณ​ 80-100​ ตัว​ นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา​ จนถึงในปัจจุบันซอยด๊อกยังไม่ได้รับการแจ้งเหตุสุนัขป่วยแต่อย่างใด​ แต่ให้ประเมินจากสถานการณ์​ดังกล่าวมองในภาพรวมคาดการณ์​ว่า​ น่าจะมีประชากร​สุนัขป่วยและตายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

            ทั้งนี้ มูลนิธิฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มจิตอาสานี้​ จะได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ่ว และอนุญาตให้กลุ่มอาสาและมูลนิธิฯ สามารถเข้าพื้นที่บ้านพักพิงฯโดยเร็ว เพื่อสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัข ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเมืองภูเก็ต​ ในการบริหารจัดการกับสุนัขจรจัดต่อไป พร้อมให้ความเห็นว่านอกจากประชาชนที่ต้องได้รับการดูแลในช่วงวิกฤตโควิด-19 แล้ว สุนัขจรจัดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนควรได้รับการเหลียวแลเช่นกัน