“บิ๊กโจ๊ก” นำทีมทลายแก๊งค์​คอลเซ็นเตอร์​ข้ามชาติ ยึดของกลาง​ และ​ เงินสดกว่า​ 13​ ล้านบาท

         เมื่อวันที่​ 18 ก.ค.61​ เวลา​ 15.00 น.​ ที่ผ่านมา​ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ป้องกันและปราบปราม​ การฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองจี๋หลินของจีนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกว่า 80 นาย ได้เข้าตรวจค้นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ชาวจีน​ ในเขตพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้จังหวัดภูเก็ต​ จากการตรวจสอบขยายผลรวมทั้งหมด 6 จุด​ ด้วยกัน

         จากผลการตรวจค้นพบว่ามีผู้ต้องหาเป็นคนไทย​ จำนวน 2 คน เป็นชาวต่างชาติสัญชาติ​ชาวจีน​ จำนวน 22 คน เป็นชาวเมียนมาร์​ จำนวน 1 คน รวมทั้งสิ้น​ จำนวน 25 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร​ โดยใบการอนุญาตได้สิ้นสุด จำนวน 5 คน ส่วนสัญชาติจีน เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร​ โดยไม่ได้รับอนุญาต​ จำนวน 1 คน และ​สัญชาติเมียนมาร์

         จากการขยายผลและตรวจยึดทรัพย์สิน​ มีรายการต่างๆดังนี้​ เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คได้​ จำนวน 8 เครื่อง เล้าท์เตอร์ไวไฟ จำนวน​ 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน​ 150 เครื่อง ไอแพด จำนวน​ 4 เครื่อง เครื่องนับเงิน​ จำนวน 1 เครื่อง บัตรเครดิต​ จำนวน 135 ใบ บัตรเอทีเอ็ม​ จำนวน 6 ใบ ซิมโทรศัพท์มือถือ​ จำนวน 52 ใบ รวมถึงเงินสดสกุลไทย จำนวน​13,568,570 บาท​ และ เงินสดสกุลจีน จำนวน​ 3,800 หยวน รถเก๋งยี่ห้อ Mercedez Benz CLA 200 ป้ายแดง ทะเบียน ง 3715 กทม. จำนวน 1 คัน

         พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อถึง ในการปฏิบัติการครั้งนี้​ เกิดจากการประสานงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ จากเมืองจี๋หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแก๊งค์​คอลเซ็นเตอร์ ถึงขนาดมีผู้เสียหายฆ่าตัวตาย​ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้พื้นที่ในประเทศไทยเป็นฐานในการดำเนินการหลอกชาวจีน​ ซึ่งทางการจีนจึงเดินทางมาประสานงานขอความร่วมมือกับตำรวจไทย​ จนได้มีการดำเนินการสืบหาข้อมูลและดำเนินการจับกุมดังกล่าว

         สำห​รับ​ การเข้าตรวจสอบแก๊งค์​คอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต ครั้งนี้ถือว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่มีขนาดใหญ่ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศและเป็นเครือข่าย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลเพื่อปราบปรามต่อไป​ มีคนจีนที่ได้รับความเสียหาย และตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหาย รวมกันไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

         นอกจากนี้​ ยังมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องและเป็นนอมินีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมและดำเนินคดีไปแล้ว ถือว่าเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ และเป็นนอมินีให้กับคนจีนในพื้นที่พัทยา​ โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในไทยให้เสร็จสิ้นก่อนจะส่งมอบตัวกลับไปดำเนินคดีต่อในประเทศจีนต่อไป