“ผู้การตี๋”แจงคดีผู้ต้องหาต่างด้าว ถึงมือตม.ภูเก็ตพบตัวเลขสับสน

          ตำรวจภูธรแจงข้อมูล จับชาวด้าว กว่า 2,000 ราย แต่ส่งตม.แค่หลักร้อย หลังถูกรองผบช.ตร.สั่งสอบ ผู้การฯตี๋ บอกบางคดีเป็นการทำผิดโทษแค่ปรับ แล้วปล่อยตัวไป และมีอีกหลายสาเหตุ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการสอบข้อเท็จจริง เผยบางคดี เมื่อถึงที่สุด ต่างชาติก็เดินทางกลับเองเลย โดยไม่ต้องนำส่ง ตม. ทำให้ตัวเลขส่งตัวให้ ตม.กับจำนวนคดีที่เกิดในแต่ละ สภ.ต่างกัน ขณะที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ (รรท.จตช.) สั่งเด้ง ผกก.ป่าตอง พร้อมลูกน้องคนขับรถ ตำรวจนอกหน่วยอีก 2 นาย รวมขณะนี้ตำรวจถูกย้ายแล้ว 12 นาย

           กรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจภูธรใน ภ.จว.ภูเก็ต ตรวจสอบซ้ำเกี่ยวกับข้อมูลการไม่ส่งตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนต่างด้าวไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.ภูเก็ต ตามคำสั่งระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระหว่างเดือนตุลาคม 2559 จน ถึงเดือนตุลาคม 2560 โดยผลการตรวจสอบในรอบแรกพบว่า การไม่ส่งตัวมีเพียง 142 ราย แต่จากการตรวจสอบข้อมูลซ้ำในช่วงเวลาเดียวกัน กลับพบตัวเลขที่แตกต่างกันอีก เนื่องจากพบว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีการจับกุมต่างด้าวมากถึง จำนวน 2,415 ราย แต่ส่งตม. 685 ราย ไม่ส่ง 1,730 ราย

           เรื่องนี้ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงว่า  ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนต่างด้าว หรือต่างชาติส่งพนักงานสอบสวนสถานีต่างๆ ดำเนินคดีแล้ว ไม่นำส่งสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อผลักดันกลับประเทศจำนวนจำนวนกว่า 1,700 ราย ซึ่งเดิมจากการตรวจสอบมีรายงานไปเพียง 142 ราย ทางรองผู้บัญชาการจึงสั่งให้ตรวจสอบใหม่ จนได้ตัวเลขดังกล่าวมา จนเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น

           เนื่องจากในการดำเนินคดีกับต่างด้าวนั้น มีหลากหลายคดี และ ในบางคดีก็เป็นเพียงโทษปรับ เมื่อดำเนินคดีแล้วก็ปล่อยตัวไปได้ เช่น กรณีการขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต เมาแล้วขับ เป็นต้น ที่ผ่านมามีการเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างมาก เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับชาวต่างชาติค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งหมดคงต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง

           ส่วนกรณีที่ตัวเลขไม่ตรงกันในการตรวจสอบรอบแรกกับรอบหลัง ในเบื้องต้นคาดว่าทางพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งทุกคดี ในรอบแรกอาจจะแจ้งเฉพาะในส่วนของคดีที่จะต้องส่งตัวกลับหรือผลักดันกลับ โดยไม่รวมตัวเลขในส่วนของคดีที่มีโทษแค่ปรับเข้าไป  ซึ่งในการตรวจสอบรอบหลังได้มีการสั่งการให้เอาข้อมูลทั้งหมดทั้งคดีที่มีโทษเพียงปรับเข้าไปด้วย  แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการการสอบสวนข้อเท็จจริงของรองผู้บัญชาการภาค 8 ที่จะต้องรายงานความคืบหน้าให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทราบ ทุก 7 วัน

           อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนายตำรวจรายหนึ่ง ที่ทำคดีเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ถึงกรณีการไม่ส่งตัวชาวต่างด้าวให้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต เพื่อผลักดันกลับประเทศภูมิลำเนา ว่า กรณีเกิดคดีขึ้นกับชาวต่างด้าว และมีการดำเนินคดีกับชาวต่างด้าวบางครั้งไม่มีกฎหมายรองรับในกรณีขอยึดปาสพอร์ตเพื่อให้มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัวส่งมอบให้กับด่านตรวจคนเข้าเมือง ถ้าหากยึดพาสปอร์ตไว้ ต่างด้าวเหล่านี้ก็จะต้องมาติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้สามารถนำตัวส่งได้

           ส่วนการจะยึดพาสปอร์ต ก็ขึ้นอยู่กับคนต่างด้าว ว่าจะยินดีให้ทางพนักงานสอบสวนยึดไว้ หรือจะให้ไว้เพียงแค่สำเนา ถ้าให้ไว้แค่สำเนา เมื่อคดีถึงที่สุดชาวต่างด้าวก็ไม่ได้กลับมาที่สถานีตำรวจ บางคนเมื่อคดีสิ้นสุดก็จะเดินทางกลับประเทศเลย บางคดีก็มีการปรับที่สถานีตำรวจเลย เนื่องจากเป็นคดีที่มีโทษเพียงแค่ปรับ เมื่อเสียค่าปรับก็ต้องปล่อยตัวไป แล้วส่วนใหญ่ก็เดินทางกลับเลย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเพื่อส่งต่อให้กับทางด่านตรวจคนเข้าเมืองได้

           สำหรับการตรวจสอบข้อมูลการดำเนินคดีกับชาวต่างชาติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559 – 31 ต.ค. 2560 ปรากฏว่า ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีการจับกุมต่างด้าวจำนวน 2,415 ราย ส่งตม. 685 ราย ไม่ส่งตม. 1,730 ราย แยกเป็นสถานีได้ดังนี้

1. สภ.สาคู จับกุม 76 ราย ส่ง ตม. 3 ราย ไม่ส่ง 73 ราย,

2. สภ.ถลาง จับกุม 78 ราย ส่งตม.16 ราย ไม่ส่ง ตม. 62 ราย,

3. สภ.ฉลอง จับ 171 ราย ส่งตม. 52 ราย ไม่ส่ง 119 ราย,

4. สภ.กะรน จับ 344 ราย ส่งตม. 95 ราย ไม่ส่ง 249 ราย,

5.สภ.กมลา จับ 269 ราย ส่งตม. 145 ราย ไม่ส่ง 124 ราย,

6.สภ.ท่าฉัตรไชย จับ 20 ราย ส่งตม. 2 ราย ไม่ส่ง 18 ราย,

7. สภ.เชิงทะเล จับ 75 ราย ส่งตม. 60 ราย ไม่ส่ง 15 ราย,

8. สภ.ป่าตอง จับ 862 ราย ส่งตม. 52 ราย ไม่ส่ง 810 ราย,

9. สภ.กระทู้ จับ 98 ราย ส่งตม. 27 ราย ไม่ส่ง 71 ราย,

10. สภ.วิชิต จับ 248 ราย ส่งตม. 59 ราย ไม่ส่งตม. 189 ราย,

11. สภ.เมืองภูเก็ต จับ 174 ราย ไม่ส่งตม. 174 ราย

           ขณะที่ ตามที่คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 599/2560 ลงวันที่ 29 ก.ย.2560 กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา สบ.10 ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ9) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ (รรท.จตช.) เป็นผู้ดูแลรวมทั้งสั่ง และปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในงานศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ และตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 623/2560 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจในการออกคำสั่งแต่งตั้งหรือสั่งการให้ช้าราชการตำรวจมาปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของศูนย์ปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้ข้าราชการตำรวจ 4 นาย ประกอบด้วย

1.พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต  

2.ร.ต.อ.หญิง ศรีสุดา เมืองแก้ว รอง สว.กก.5 บก.ปคม.บช.ก.

3.ด.ต.จักรฐิพนธ์ นาคพงศ์ภัค ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม.บช.ก.

4.ด.ต.วรฉัตร ทัพพุน ผบ.หมู่ กก.งานจราจร สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม ตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 18 พ.ย.2560 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

            โดยก่อนหน้านี้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ประกอบด้วย

1.พ.ต.ท.สุระศักดิ์ ใจดี สว.ตม.6 จว.ภูเก็ต

2.พ.ต.ท.เทียนชัย ชมภู สว.ตม.6 จว.ภูเก็ต

3.ร.ต.อ.นิมิต สุขประเสริฐ รองสว. กก.สส.1 บก.สส.ภ.8

4.ร.ต.อ.อดุลย์ บุญราช รองสว.ปป สภ.ป่าตอง

5.ด.ต.พรประสิทธิ์ แว่นทอง ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.ป่าตอง

6.ด.ต.พงษ์เพชร จันทรัตน์ ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการ ตม.6 ช่วยราชการที่ ศปก.ตร.โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย มาแล้ว 1 ระลอก

          นอกจากนั้นก็ยังมีการย้าย พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต อดีต ผกก.สภ.ป่าตอง และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รองผกก.สส.สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.8 อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องร้องเรียนเรียกเก็บผลประโยชน์กับสถานประกอบการ และส่วยแรงงานต่างด้านแล้วเสร็จ

           ผู้สื่อข่าวรายงานขณะนี้ได้โทรไปสอบถาม พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช ผกก.ป่าตอง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและทราบว่าขณะนี้ได้ขึ้นไปรายงานตัวที่ ศปก.แล้ว พร้อมน้อมรับคำสั่งผู้บังคับบัญชา และยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่ไม่ใช่เรื่องส่วยแน่นอน ขณะนี้เห็นใจ ตำรวจสภ.ป่าตอง เสียขวัญกำลังใจอย่างหนัก ไม่กล้าที่จะทำงาน สิ่งที่สำคัญต้องเร่งให้ขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

            ด้าน พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณี ที่จเรตำรวจมีคำสั่งย้ายผู้กำกับตำรวจป่าตอง และลูกน้องใกล้ชิด ว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนเรื่องการเรียกรับส่วยในพื้นที่ ซึ่งเป็นการย้ายไปช่วยราชการ เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความยุติธรรมทั้งในส่วนของผู้ที่จะเข้ามาให้ข้อมูล รวมทั้งในส่วนของข้าราชการตำรวจเอง ส่วนผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร ก็ต้องว่ากันอีกครั้ง ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ผิดก็สามารถย้ายกลับมาที่เดิมได้

            ส่วนกรณีมีการนำเสนอข่าวว่า การย้ายผู้กำกับ สภ.ป่าตองในครั้งนี้ เพราะไปจับกุมเรื่องอาหารจีนของนายตำรวจ เรื่องนี้ตนยังไม่เคยทราบเรื่อง และยังไม่เคยมีการจับกุมแต่อย่างใด การปฏิบัติการที่ผ่านมาเป็นการปฏิบัติการร่วมของหลายหน่วย จึงไม่ใช่ชนวนเหตุที่ทำให้มีการสั่งย้ายในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุการสั่งย้ายก็เนื่องจากการลงมาตรวจสอบกรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องส่วยของจเรตำรวจ เมื่อการร้องเรียนมีใครเกี่ยวข้องก็ต้องย้ายออกนอกพื้นที่ไปก่อน เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างยุติธรรม และคนที่อยากจะให้ข้อมูลก็สามารถเข้ามาให้ข้อมูลได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร