ผู้ว่าฯ“นรภัทร”ไม่ลืม เกาะติดทุกโครงการ ย้ำทุกเรื่องต้องเป็นธรรม

       

     

          ผู้ว่าฯ“นรภัทร”ไม่ลืมเกาะติดทุกโครงการย้ำทุกเรื่องต้องเป็นธรรม
ในโครงการประชุมยามเช้าวันอังคาร “วาระบำบัดทุกข์บำรุงสุข” ที่จวนผู้ว่าฯ สอบถามความคืบหน้าทุกโครงการ พร้อมปัญหาอุปสรรค และรับฟังข้อเสนอโครงการใหม่ๆ ของทุกหน่วยงาน ล่าสุดการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานความคืบหน้า โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรม ไมซ์จัด “มหกรรม กินเที่ยวเฟี้ยวยกเกาะ @ ภูเก็ต” เพื่อโชว์ ศักยภาพความเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก ตามสโลแกน “อาหาร 5 ดาวสู่ดิน” หลังจากนั้นผู้ว่าฯ ย้ำการตรวจสอบการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ บดบังทัศนียภาพสวยงามของพื้นที่ ก็ให้แก้ไข และต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าของ ล่าสุดที่ดินยัน โฉนดถูกต้อง ส่วนเรื่องความสูงของอาคารขณะเขียนข่าวนี้ กำลังตรวจสอบ แต่เจ้าของบ้านยันก่อนก่อสร้างได้เช็คละเอียดทุกแง่มุมแล้ว

 

         เมื่อเช้าวันที่ 1 สิงหาคม 2560 เวลา 07.30 น. ที่ห้องประชุมจวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานประชุมติดตามงานกับหัวหน้าส่วนราชการฯ ตามโครงการวาระยามเช้า บำบัดทุกข์ บำรุงสุข โดยมี นายสนิท ศรีวิหค, นายธีระ อนันตเสรีวิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นาวาเอกบวร พรมแก้วงาม รอง กอ.รมน.ภูเก็ต,นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดภูเก็ต, นายเกษม สุขวารี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ติดตามประเด็นสำคัญๆ ที่เป็นเรื่องเร่งด่วนคือ การดำเนินการ จัดระเบียบ เครื่องเล่นที่ให้บริการนักท่องเที่ยวที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อาทิ พาราเซลลิ่ง, เจ็ตสกี, ซิปไลน์ และเครื่องร่อน เป็นต้น ซึ่งเครื่องเล่นทุกชนิดจะต้องมีความปลอดภัย โดยกำชับให้โยธาธิการ และผังเมือง มีมาตรการตามข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องเล่นให้พร้อมใช้งาน มีความปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้หากมีปัญหาให้รายงานจังหวัดโดยสำนักงานโยธาธิการ และผังเมืองจังหวัดภูเก็ต จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบต่อไป

         นอกจากนี้ นายนรภัทร ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการจัดระเบียบเครื่องเล่น และการจัดระเบียบชายหาดให้เป็นไปตามมาตรการที่จังหวัดกำหนดโดยเฉพาะพื้นที่โซนนิ่ง 10% ที่อนุญาตให้ปักร่มจะต้องดำเนินการอยู่ในโซนนิ่งที่กำหนดไม่ล่วงล้ำพื้นที่สาธารณะอย่างเด็ดขาด จากนั้น ได้ ติดตามเรื่อง ความคืบหน้าของแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเสีย เน้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดตั้งงบประมาณในการบำบัดน้ำเสียนำเสนอต่อจังหวัด เพื่อให้การบำบัดน้ำเสียของจังหวัดภูเก็ต มีประสิทธิภาพและเกิดเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องให้ความสำคัญในการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ ทั้งน้ำท่วมและแผนบริหารจัดการน้ำกินน้ำใช้ให้สอดคล้องกันเพื่อให้การแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดภูเก็ตมีความครบถ้วนครบวงจร

         จากนั้น สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์จังหวัดภูเก็ตกิจกรรม “มหกรรม กินเที่ยวเฟี้ยวยกเกาะ @ ภูเก็ต” เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัดภูเก็ตเป็นการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับรู้ถึงภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหารของยูเนสโก ทั้งนี้ “มหกรรม กินเที่ยวเฟี้ยวยกเกาะ @ ภูเก็ต” มีกิจกรรมที่น่าสนใจ 2 กิจกรรมคือ กิจกรรมที่ 1 เทศกาลอาหารจังหวัดภูเก็ต ในช่วงวันที่ 16-17 กันยายน 2560 โดยจะมีกิจกรรมออกบูธและรถขายอาหารเคลื่อนที่ Truck Food จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่แสดงถึงนวัตกรรมด้านอาหารจำนวน 50 บูธ นำเสนออาหารประเภทอาหารพื้นเมืองภูเก็ต, อาหารทะเล, อาหารเพื่อสุขภาพ, อาหารสร้างสรรค์และอาหารที่สูญหายรวมทั้งจะมีกิจกรรมสาธิตจะแสดงเกี่ยวกับนวัตกรรมการสร้างสรรค์ด้านอาหา, การแข่งขันการประกอบอาหารของเยาวชนและการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้าน Food Tourism ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือ เป็นเทศกาลอาหารจังหวัดภูเก็ต ในช่วงวันที่ 1-30 กันยายน 2560 เน้นรูปแบบเชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหารในโรงแรม, ร้านอาหารตลาดนัดและร้านอาหารแบบ street food เข้าร่วมเทศกาลอาหาร เพื่อจัดเมนูพิเศษ, ส่วนลดราคาเมนูอาหารร่วมตอกย้ำประชาสัมพันธ์ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหารโดยกำหนดจัดกิจกรรมที่ตลาดนัด, ร้านอาหารและร้านอาหารในโรงแรมทั่วเกาะภูเก็ตตามสโลแกน “อาหาร 5 ดาวสู่ดิน”นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ติดตามสอบถาม ความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างบ้านหรูบนเนินเขาทางไปอ่าวเสน และแหลมกระทิงที่มีการร้องเรียนในสื่อโซเชียลมีเดีย โดย นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ชี้แจงว่า เทศบาลตำบลราไวย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว และได้สั่งระงับการก่อสร้างบ้านทั้ง 4 หลังบนเนินเขาทางไปอ่าวเสน และแหลมกระทิงชั่วคราวแล้ว หลังตรวจสอบพบ สร้างเกินที่ขออนุญาต ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

 

 

          เนื่องจาก ในเบื้องต้นเจ้าของบ้านได้ยื่นเอกสารขออนุญาตเป็นรายหลัง แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการสร้างบ้านเชื่อมต่อกันทั้ง 4 หลัง ดังนั้นจึงได้แจ้งให้เจ้าของบ้านรับทราบและเร่งดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามที่ขออนุญาต ในเรื่องนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นาวาเอกบวร พรมแก้วงาม รอง กอ.รมน.ภูเก็ต ,สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดภูเก็ต ที่ดินจังหวัด บูรณาการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ให้ชัดเจน โดยนำ เครื่อง GPS ไปวัดค่าพิกัดพื้นก่อสร้างบ้านหรูดังกล่าวว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะที่ 1 หรือ ระยะที่ 2 ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาวิเคราะห์ประมวลผลให้ชัดเจน โดยหากที่ดินที่ก่อสร้างตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะถ่อยร่นที่ 1 ซึ่งเป็นระยะถอยร่นจากน้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 20 เมตร สามารถสร้างอาคารสูงได้ 6 เมตร แต่หากตั้งอยู่ในระยะที่ 2 เป็นระยะถอยร่นจากน้ำทะเลท่วมถึงสูงสุด 50 เมตร จะสามารถก่อสร้างได้สูง 12 เมตรพร้อมกันนี้ขอให้ สำนักงานที่ดินจังหวัดเร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ว่ามีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่จากนั้นทำรายงานเสนอต่อจังหวัด อย่างเร่งด่วนที่สุด อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของหน่วยงานราชการจะต้องมีความโปร่งใส หากเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิที่ถูกต้องจะต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชนด้วยสำหรับโครงการวาระยามเช้าบำบัดทุกข์บำรุงสุขจังหวัดภูเก็ต จะมีการประชุมติดตามงานกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกเช้าวันอังคาร ที่ห้องประชุมจวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและผู้บริหารในจังหวัดภูเก็ตจะอย่างไรก็ตาม

         ต่อมาเมื่อเช้าเวลา 10.00 น.ของวันที่ 3 เดือนเดียวกัน นาวาเอก บวร พรหมแก้วงาม รองผอ.กอ.รมน.ภูเก็ต เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบ้านพักตากอากาศหรู ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมชายหาดทางไปอ่าวเสนและแหลมกระทิง หมู่ที่ 1 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในโลกโซเชียลว่า บังทัศนียภาพที่สวยงามของพื้นที่ โดยมีนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายเกษม สุขวารี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายรักเกียรติ ดีดพิณ นักผังเมืองชำนาญการ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ตัวแทนจากเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต สปก.ป่าไม้ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครอง หมวดรักษาความสงบเรียบร้อยทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูดังกล่าว ก่อนที่จะลงพื้นที่ก่อสร้างตรวจสอบอีกครั้ง ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ตโดยการลงพื้นที่ในวันดังกล่าว

         ทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ได้นำกล้อง Total Station ซึ่งสามารถตรวจวัดค่าความแม่นยำได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไปตรวจวัดหาค่าพิกัดน้ำทะเลท่วมสูงสุด โดยมีเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต เป็นผู้ชี้แนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุด เพื่อหาพิกัดจุดที่มีการก่อสร้างว่าอยู่ในพื้นที่บริเวณที่ 1 หรือ 2 ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่กำหนดพื้นที่บริเวณที่ 1 ห่างจากจุดที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด 20 เมตร สร้างอาคารสูงได้ 6 เมตร บริเวณที่ 2 ห่างจากน้ำทะเลขึ้นสูงสุด 50 เมตร สามารถก่อสร้างอาคารสูงได้ 12 เมตร โดยทางโยธาฯ จะใช้เวลาในการดำเนินการประมวลผล 1 สัปดาห์ จากนั้นก็จะทราบแน่ชัดว่าจุดที่มีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูทั้ง 4 หลัง ตั้งอยู่ในบริเวณใด และแต่ละหลังสร้างได้สูงกี่เมตร

 

         โดยก่อนหน้าที่ทาง ทสจ.ภูเก็ตได้นำเครื่อง GPS มาตรวจสอบครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลออกมาก่ำกึ่งจุดก่อสร้างอยู่ตั้งบริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 จึงต้องหาความชัดเจนอีกครั้งหนึ่งในวันดังกล่าว ด้าน นายอำนวย พิณสุวรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานถึงการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินแปลงที่มีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศทั้ง 4 หลัง ว่า ทางสำนักงานที่ดินได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการขอออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเสร็จแล้วพร้อมทั้งรายงานให้ผู้ว่าฯ รับทราบแล้ว ว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเจ้าของที่ดินเดิมได้ยื่นขอออกโฉนดมาตั้งแต่ปี 2531 เป็นการขอออกโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตามกฎหมายแล้วสามารถออกโฉนดได้ เนื่องจากได้ยื่นขอก่อนปี 2537 ก่อนที่จะมีกฎกระทรวง 43 ที่ห้ามออกโฉนดที่ดินที่ไม่มีหลักฐานใดหลังปี 2537 โดยครั้งแรกยื่นขอออกทั้งหมด 83 ไร่ ได้มีการพิจารณาตัดออกไปในทั้งในส่วนของที่ป่า ที่สปก.ที่ลาดชันเกิน 35% และเขตภูเขา จนเหลือเนื้อที่ 30 ไร่เศษ ออกเป็นโฉนดในปี 2553 โฉนดที่ดินเลขที่ 96799 หลังจากนั้นเจ้าของได้ขอแบ่งแยกโฉนดออกเป็นแปลงเล็กๆ 11 โฉนดตั้งแต่ปี 2559-2560

 

 

         สำหรับแปลงที่มีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูทั้ง 4 หลังนั้น เป็นโฉนดเลขที่ 113311 เนื้อที่ 1 ไร่กว่าๆ ออกเมื่อปลายปี 2559 ทางที่ดินจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าโฉนดที่ดินชอบด้วยกฎหมาย ด้าน นายอนันต์ จันทมาศ ตัวแทนเจ้าบ้าน กล่าวว่า หลังจากที่เทศบาลตำบลราไวย์ ได้นำหนังสือสั่งระงับการก่อสร้างมาติดไว้ที่โครงการ ก็ได้ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามข้อสั่งการของเทศบาลทุกประการ และในส่วนของเจ้าของบ้านเองพร้อมที่จะทำตามที่กฎหมายกำหนด และมั่นใจว่าทั้งที่ดินและการก่อสร้างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะก่อนที่จะตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้ ได้มีการตรวจสอบการออกโฉนด พร้อมศึกษาและหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องเรื่องก่อสร้าง ว่าสามารถที่จะทำได้หรือไม่ ก่อนตัดสินใจชื้อที่ดินแปลงนี้ เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา รวมถึงทางเจ้าของบ้านได้จ้างเอกชนเข้ามาทำการตรวจวัดว่าที่ดินแปลงนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณที่ 1 หรือ 2 ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งเราได้ทำตามกฎหมาย โดยสร้างบ้านสูง 6 – 9 เมตร ไม่ได้สร้างสูงถึง 12 เมตร ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งไม่ได้สร้างเต็มพื้นที่แต่อย่างใดส่วนที่มีการแชร์ภาพของบ้านหลังนี้เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เป็นภาพที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด 4 หลังในโซเชียลนั้น เป็นภาพเก่าที่ออกแบบเมื่อปีแล้ว ไม่สามารถสร้างได้ จึงได้มีการออกแบบใหม่ให้สอดคล้องกับกฎหมาย ที่บ้านแต่ละหลังไม่ได้เชื่อมต่อกัน