มุมมอง…การสร้างเมืองด้วยศิลป์

          เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว คนภูเก็ตมีเรื่องฮือฮากันในโลกโซเชียลกันมากพอสมควร คือ การปรากฎภาพวาดหนูน้อยวามตาหน้าบึ้ง ถือ “เสี่ยหนา” หรือปิ่นโตของกินของคนภูเก็ต เขียนติดอยู่ฝาผนังอาคารธนาคารชาร์เตอร์เก่า กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ คนชอบก็บอกว่าสวยดี แปลกดี มีเสน่ห์น่าสนใจ คนไม่ชอบก็บอกว่ามันคือ ศิลปะข้างถนน รกรุงรัง และอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง

         เมื่อวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ๆ หนัก ๆ ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดทำรูปภาพนี้ขึ้นมา ถึงขั้นน้อยใจขอลาออก แต่ก็มีคนทัดทานกันไว้ว่า รูปภาพก็เอาไว้ คนก็ให้อยู่ต่อ จริง ๆ แล้วแนวคิดในการวาดภาพนี้ขึ้นมาก็เพื่อสื่อสารถึงวัฒนธรรมดั่งเดิมของคนภูเก็ต ตั้งแต่แรกเกิด ครบเดือนก็จะมีการนำของกินที่มีคุณค่าทางอาหารสูง คือ อิ่วปึ่ง ไปมอบให้คุณแม่มือใหม่รับประทานกัน

         มองเป็นศิลป์มันก็ไม่เห็นอะไรเสียหาย ดูดีเสียด้วยซ้ำ แต่ลงท้าย กระแสอนุรักษ์นิยมหนักหน่วงกว่า ทำเอาเจ้าหนูน้อยสามตาหน้าบึ้งต้องถูกลบหายไปจากฝาผนังของอาคารดังกล่าว ทั้งที่เพิ่งวาดเสร็จและมีคนไปถ่ายรูปด้วยไม่กี่วัน ข้ามฝั่งไปที่แผ่นดินใหญ่ของประเทศไทย ที่จังหวัดกระบี่

         เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2560 ที่บริเวณหน้าเมืองกระบี่ เกิดภาพวาดแนวศิลปินข้างถนน เป็นรูปเจ้าหนูน้อยพีนอคคิโอกำลังเก็บขยะ ปรากฏอยู่บริเวณริมเขื่อนหน้าเมือง ใกล้ประติมากรรมไม้มะหาด เมืองกระบี่ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับใกล้เคียงกับภูเก็ต เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในตัวเมืองเช่นเดียวกับภูเก็ต และกระแสก็เป็นไปในแบบที่ใกล้เคียงกัน คือ ลบทิ้ง กับเก็บเอาไว้ หลังจากภาพวาดนี้ปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลพร้อมกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฝ่ายที่ต้องการให้คงภาพนี้ไว้ ก็เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะภาพนี้อยู่ที่ผนังเขื่อน และเวลาที่น้ำลงก็จะปรากฎเป็นภาพเต็มตัว สื่อเตือนใจให้คนสนใจเก็บขยะที่ถูกน้ำพัดพามาเกลื่อนกองอยู่เป็นหาดทรายริมแม่น้ำกระบี่ บ้างถึงขนาดว่าเป็นการล้อเลียนผู้บริหารเมืองกระบี่ให้ใส่ใจกับการรักษาความสะอาดให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

        ในกระแสการวิพาษ์วิจารณ์นี้ กีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กลับมองว่า เรื่องนี้เป็น “เป็นศิลปะที่ดี เพียงแต่อยู่ไม่ถูกที่เท่านั้น” เพราะแม้ว่าภาพนี้คนที่อยู่บนถนนจะมองไม่เห็น แต่ผู้ที่เดินทางด้วยเรือและนักท่องเที่ยวก็จะเห็น หากปล่อยให้มีภาพแบบนี้ขึ้น เกรงว่าจะมีภาพต่อ ๆ ไป และเป็นความไม่สวยงาม ไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น และนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ยังได้เรียกร้องให้ศิลปินนิรนามออกมาแสดงตัว เพื่อให้มาวาดภาพนี้ใหม่ในจุดที่มีความเหมาะสม สุดท้ายก็คือ เทศบาลเมืองกระบี่ ได้ถ่ายภาพนี้และจัดทำเป็นภาพไวนิลเก็บไว้ในหอศิลป์อันดามันของเทศบาลเมืองกระบี่ แล้วจัดการลบภาพนี้ออก จากนั้นก็ได้พบตัวศิลปินนิรนามรายนี้ คือ นายภูเษศ ทองเสม อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี ซึ่งได้เผยแนวคิดในการวาดภาพพีนอคคิโอ ที่ริมเขื่อนแม่น้ำกระบี่นี้ก็เพื่อรักษาความสะอาด เพื่อคนเห็น หรือเด็กเห็นจะปลูกฝังด้านบวก แต่เนื่องจากรีบ ๆ ทำ ภาพจึงขาดความสมบูรณ์ไป ซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ก็ได้เตรียมพื้นที่ให้วาดภาพนี้กลับมาใหม่ อยู่ฝาผนังโรงสูบ บริเวณหน้าเขื่อนทันที ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา เป็นภาพขนาดใหญ่ กว้าง 6 ยาว 4 เมตร โดยเป็นภาพตัวพินอคคิโอสะพายถุงเดินเก็บขยะ นอกจากนี้ ยังมีรูปปลา ปูเสฉวนมีกระดองเป็นกระป๋องเป๊ปซี่ และภาพเต่ามีกระดองเป็นหมวกกันน็อก สื่อให้เห็นถึงผลกระทบจากนิสัยของคนทิ้งสิ่งของลงในทะเล ทำให้พวกสัตว์ต่างๆได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ เสริมด้วยการรณรงค์ให้เด็ก และเยาวชนรุ่นใหม่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ผ่านภาพวาดพีนอคคิโอเป็นสื่อ

        แม้ว่าภาพวาดหนูน้อยสามตา ที่ภูเก็ต กับหนูน้อยจมูกยาว ที่กระบี่ จะเป็นแนวศิลป์ร่วมสมัยที่ขัดแย้งยากต่อการยอมรับของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และลงท้ายก็คือถูกลบทิ้งไป แต่ในแง่การบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ที่ภูเก็ตบ้านเราก็คือจ้างเขามาวาด พอถูกวิจารณ์ก็ลบทิ้งไปเลย ในขณะที่กระบี่บ้านเขาไม่ได้จ้าง แต่คนปทุมธานีมาวาดให้ พอถูกวิจารณ์ก็ลบทิ้งเหมือนกัน แต่ก่อนลบทิ้งก็เก็บความทรงจำนี้ไว้ และจัดหาสถานที่ใหม่มาให้เติมเต็มงานศิลป์ชิ้นนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ในสถานที่ที่เหมาะสม และเป็นศิลปะข้างถนนที่สื่อสร้างสรรค์ในเชิงบวก ปรากฏแก่สายตาสาธารณชนไปอีกนานเท่านาน มุมมองด้านการสร้างเมืองด้วยศิลป์ กระบี่บ้านเขาเดินหน้าไปแบบศิลปะร่วมสมัย ในขณะที่ภูเก็ตบ้านเราก็ยังคงยึดมั่นเป็นแบบอนุรักษ์นิยม เหนียวแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง