“ราไวย์”ได้ข้อสรุป แก้ปัญหาเด็กตื้อนทท. ใช้กำลังจนท.ผสมปราม

           เทศบาลประชุมผู้เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาเด็กชาวไทยใหม่ เกาะแข้งเกาะขาขอเงิน สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยว จัดตั้งจุดบริการทั้งของตร. อป.พร. ชรบ.ครบวงจร หวังปราม หากพบตักเตือน 3 ขั้นตอน สุดท้ายถ้ายังประพฤติก็ใช้กม. ส่วนผู้ว่าฯบอกจะเอากิจกรรมเข้าช่วย นำเด็ก เข้ารับการอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

         จากกรณีที่มีการแพร่ภาพในโซเชียล และการร้องร้องของชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็กชาวไทยใหม่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จำนวน 12 คน ที่มีพฤติกรรมออกมาขอเงินจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว บริเวณทางเข้าหมู่บ้านไทยใหม่ บ้านราไวย์ จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว และเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต จนกระทั่งทางจังหวัดได้นำเรื่องนี้ประชุมร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา

         ด้วยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.60 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาเด็กขอทานในพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดภูเก็ต สถานีตำรวจภูธรฉลอง สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเทศบาลตำบลราไวย์ ผู้นำชุมชนราไวย์ และหน่วยงานสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมประชุม เพื่อร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก

         การประชุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ได้มีกรณีร้องเรียนให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเด็กขอทานจากนักท่องเที่ยว หรือบุคคลทั่วไปบริเวณพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่ ท่าเทียบเรือราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และทางจังหวัดได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีเด็กมาขอเงินจากนักท่องเที่ยวจริง จำนวนประมาณ 12 คน อายุประมาณ 8-12 ปี เด็กหลายคนเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ใกล้กับชุมชนชาวไทยใหม่ และมีเด็กบางคนไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ มีพฤติกรรมวิ่งขอเงินจากนักท่องเที่ยว เดินตามเกาะแขนเกาะขาจนกว่าจะได้เงิน เรียกเก็บเงินจากรถที่มาจอด โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทท่องเที่ยวพามาลงเรือที่ท่าเทียบเรือราไวย์ และนักท่องเที่ยวที่มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารในพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่

         นายนิรันดร์ หยังปาน ผู้นำชุมชนชาวไทยใหม่ กล่าวว่า ปัญหาเด็กขอทานในพื้นที่ตำบลราไวย์ เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งตนเคยเรียกพ่อแม่ของเด็กมาคุยอธิบายให้เข้าใจว่าการไปขอเงินผิดกฎหมาย  ก็ได้รับคำตอบว่า  พ่อแม่ไม่ผิด เพราะลูกเป็นผู้ปฏิบัติ  เขาไม่กลัว บอกว่าเด็กขอไม่เป็นไร ขอกันได้ เมื่อพ่อแม่ว่าลูกสามารถหาเงินได้ ก็ไม่ห้ามปรามแต่กลับส่งเสริมให้ลูกกระทำผิด และปัจจุบันเด็กกลุ่มนี้ก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นปัญหาซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่ หาดราไวย์ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนกว่า 1,000 คนต่อวัน

         ขณะที่ นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า  ในการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องใช้มาตรการปราบปรามก่อน  ฝากให้ทางเทศบาลตำบลราไวย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตั้งป้อมและให้มีคนมาอยู่ประจำป้อม เชื่อว่าถ้าเด็กกลุ่มนี้เห็นเจ้าหน้าที่ ก็จะกลัวไม่กล้าที่จะไปขอเงินจากนักท่องเที่ยว และให้มีการหมุนเวียนกันเดินตรวจตราอย่างต่อเนื่อง ถ้าพบเห็นเด็กไปขอเงินจากนักท่องเที่ยว จะต้องเข้าไปตักเตือนพร้อมกับเรียกพ่อแม่ของเด็กมารับทราบพฤติกรรมและให้มีการบังคับใ

ช้กฎหมาย จากเบาไปหาหนัก เพื่อให้เห็นว่าถ้าพ่อแม่ยังปล่อยปละละเลย ยังปล่อยให้มีพฤติกรรมแบบนี้ พ่อแม่ก็จะต้องรับผิดชอบ เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูกต้อง และกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วย

         ขณะที่มาตรการป้องกัน ให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวบรวมฐานความผิดทั้งหมดเผยแพร่ไปยังชุมชนฯ ให้มีความถี่ในการลงพื้นที่ไปให้ความรู้เชิงรุก  ให้ไปดูกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในและนอกสถานศึกษา โดยร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อดึง เข้ามาร่วมกิจกรรม ต่างๆ เพื่อจะได้ไม่ไปวุ่นวายกับนักท่องเที่ยว  และให้ทางหน่วยงานท่องเที่ยว จัดทำโปรชัวร์ไปแจกให้กับไกด์และนักท่องเที่ยว เพื่อจะได้รู้ว่าเขาไม่ควรที่จะมาให้เงินกับเด็กที่มีพฤติกรรมแบบนี้

         ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง ผู้บริหารเทศบาลตำบลราไวย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือกัน ได้ข้อสรุปว่า เทศบาลจะตั้งจุดบริการนักท่องเที่ยวบริเวณท่าเทียบเรือหาดราไวย์ โดยมี อปพร. ชรบ.หมู่บ้าน เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดบริการ เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้เด็กๆ ชาวไทยใหม่ออกมาขอเงิน หรือรบกวนนักท่องเที่ยว ตลอดจนดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการจราจร รวมทั้งการจัดระเบียบการจอดรถบริเวณท่าเทียบเรือ

         ขณะนี้ ทางเทศบาลได้ตั้งจุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นเรียบร้อยแล้ว ตั้งอยู่ริมถนนหน้าทางเข้าสะพานราไวย์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างเวลา 10.00-21.00 น.ของทุกวัน วันละ 4-5 นาย สลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียน ดูแลไม่ให้เด็กมาขอเงิน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว หากพบเห็นเด็กมาขอเงินนักท่องเที่ยว ถ้าพบครั้งแรกจะมีการว่ากล่าวตักเตือน ทำผิดครั้งที่ 2 จะเรียกผู้ปกครองพร้อมเด็กไปอบรมพูดคุย และครั้งที่ 3 ก็จะนำเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป

          “ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยว และไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเข้ามารับประทานอาหารเป็นจำนวนมาก”

         นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยว เพราะภาพที่ออกไปจะเห็นว่า มีการเกาะแขน เกาะขานักท่องเที่ยวจนกว่าจะได้เงิน เป็นภาพที่ไม่ดี ใครเห็นก็ไม่อยากมา ซึ่งเรื่องนี้ทางจังหวัดได้มีการประชุมไปแล้ว และมีข้อสรุปในการแก้ปัญหาที่ชัดเจน โดยจะนำเด็กทั้ง 12 คน มาแก้ปัญหา และหาสาเหตุควบคู่ไปกับการปราบปรามโดยการเอาเด็กออกจากถนน ให้เข้าสู่ระบบของโรงเรียน ของบ้าน นำไปทำกิจกรรมต่างๆ

         จากการลงพื้นที่ พบว่า เด็กๆ เหล่านี้ไม่อยากอยู่ในบ้าน จึงได้มีการพูดคุยถึงเรื่องของการจัดกิจกรรมให้แก่เด็ก เช่น การทำเรื่องของกีฬาเข้าไปใช้กับเด็ก และการนำเด็กมาพูดคุย ซึ่งขณะนี้ได้มีการทำใบปลิวเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวให้เงินแก่เด็กที่ออกมาขอเงิน ซึ่งเด็กที่มาร่วมกิจกรรม และทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบางส่วนก็มาร่วมแจกใบปลิวให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย

         แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ว่า แก้วันนี้แล้วจะเห็นผลทันที เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมานาน เราจะต้องเข้าไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเด็ก และผู้ปกครอง เชื่อว่า หลังจากที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะสุดท้ายถ้าใครยังฝ่าฝืนก็จำเป็นที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการ แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตองของการเข้าไปช่วยเหลือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้แก่เด็ก และผู้ปกครอง