รุกป่าต้นน้ำลาดชันกะตะ ออกน.ส.3ก.ขึ้นคอนโดฯ ผู้ว่าฯเงียบเป็นเป่าสาก

         ชาวบ้านกะตะน้อย ต.กะรน ยกหมู่บ้านกว่า 100 คน ลงชื่อบัญชีหางว่าว ยื่นคำร้อง กับผู้ว่าฯผ่านศูนย์ดำรงธรรม  สิ่งแวดล้อม DSI และพยัคฆ์ไพร คัดค้านการรุกที่ป่าต้นน้ำ และพื้นที่ลาดชัน ติดหน่วยป้องกันรักษาป่าฯของผู้มีอิทธิพล แต่ทุกหน่วยงานกลับเป็น “เสือไร้เขี้ยว” หลบฉากเงียบกริบ เผยชื่อบริษัทฯ อหังการ มีฝรั่งต่างด้าวร่วมเป็นกรรมการ ใช้ทุนจดทะเบียนแค่ล้านบาท เปิดตัวขึ้นโครงการคอนโดหรูซีวิว 400 กว่ายูนิต บนพื้นที่ 17 ไร่ ที่เคยจัดโครงการปลูกป่าทดแทน วันปลูกต้นไม้แห่งชาติ พบพื้นที่โครงการเคยถูกจับบุกรุกป่าแล้วหลายครั้ง กลายเป็น น.ส.3ก.ประกาศขายอย่างเป็นทางการ ทั้งยังเปิดบูธขายฝรั่งต่างชาติในห้างดัง จังซีลอน

         เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายนิรันดร์ ธนภพ ตัวแทนชาวบ้านกะตะน้อย ได้เข้าร้องต่อผู้สื่อข่าว “ข่าวเศรษฐกิจธุรกิจ” ว่า ชาวบ้านกะตะน้อยกว่า 100 คน ได้ลงชื่อบัญชีหางว่าว ยื่นคำร้องกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านศูนย์ดำรงธรรม, และกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI, หน่วยพิทักษ์ป่า “พยัคฆ์ไพร” กรมป่าไม้, และแม้กระทั่งสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ยังรีบเร่งอนุญาตให้ผ่านฉลุยแบบไม่ได้ลงดูพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงกฏหมายใหม่ด้านความสูงและความลาดชัน ซึ่งชาวบ้านได้ยื่นหนังสือคัดค้านการขึ้นโครงการ เดอะพีค เรสซิเดนซ์ ของ บริษัท กะตะบีช จำกัด พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 6 ฉบับ

         นายนิรันดร์ ได้นำหนังสือคำร้องให้ดู มีใจความว่า ขณะนี้ได้มีบริษัท กะตะบีช จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 45/11 หมู่ 4 ต.กมลา อ.กะทู้ ภูเก็ต ทำการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ด้วยทุนเพียง 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย โดยมีวัตถุประสงค์ทำการก่อสร้างอาคารชุด คอนโด อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม เพื่อการจำหน่าย โดยมีกรรมการบริษัท 3 คน มีต่างชาติอยู่ 1 คน ดังนี้ 1. นางสาวนิรมล เฉลียวการ 2. นางเกร็ดนที ธีแอนเดอร์ 3. นายออสเกอร์ แดนนี่ วอ เคาเดอร์เรน บริษัทดังกล่าวได้เปิดโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ (THE PEAKS RESIDENCE) ประกอบด้วยอาคารชุด 473 ยูนิต มีที่จอดรถยนต์ภายในโครงการ มีพื้นที่สีเขียว

         ในโบว์ชัวร์เปิดตัวโครงการแจ้งว่า บริษัท ภูเก็ต เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้ทำการศึกษา และจัดทำรางานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ความเห็นชอบ และยังแจ้งด้วยว่า โครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นตลอดการดำเนินโครงการ

         นายนิรันดร์ กล่าวว่า พื้นที่ตั้งโครงการดังกล่าว เป็นพื้นที่ป่าลาดชัน ติดต่อกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 (ภูเก็ต) แต่กลับออกเป็น น.ส.3ก เลขที่ 1863 ต.กะรน อ.เมือง ภูเก็ต เนื้อที่ 17-1-44 ไร่ ออกเมื่อ 17 เมษายน 2555 สมัย นายศุภชัย โพชนุกูล เป็นนายอำเภอเมือง โดยมี นายสิทธิชัย พรหมชาติ เป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ในรูปแผนที่ด้านทิศตะวันออก ในความเป็นจริง อยู่ติดกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 (ภูเก็ต) แต่ใน น.ส.3ก กลับกลายเป็นที่ดินข้างเคียงมีการครอบครองแทนป่าไม้โครงการนี้ หากทำการก่อสร้าง จะทำลายหน้าดิน และพื้นที่ป่าสมบูรณ์ จะทำให้ดินโคลนไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง และไหลลงทะเล ทั้งจะทำให้พื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ซับน้ำ และชะลอน้ำ ในหน้าฝนจะทำให้เกิดน้ำหลาก และน้ำท่วมชุมชนหมู่บ้านกะตะน้อย ชาวบ้านในพื้นที่กะตะน้อยจึงได้ร่วมกันลงชื่อคัดค้านกันทั้งหมู่บ้าน

         สำหรับเอกสารสิทธิ น.ส.3ก.ดังกล่าวออกให้นายสุชาติ รักสงบ บ้านอยู่ป่าตอง เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 แค่วันเดียว พอวันที่ 18 เมษายน 2555 ขายให้นายบุญชู ดำรงกิจการวงศ์ หลังจากนั้นรุ่งขึ้น วันที่ 19 เมษายน 2555 ขายต่อให้ ระบุผู้ซื้อถือกรรมสิทธิ์ 2 คน 1. พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์  2. นายทรงชัย อัจฉริยหิรัญชัย

         นอกจากนั้นที่ดินแปลงนี้ ในขณะที่นายวิชาติ พันคง (ปัจจุบันย้ายไปเป็นหัวหน้ารักษาป่าบางแป) เป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ภก.2 ได้เคยทำการจับกุมผู้บุกรุก และดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง ทั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 43 กรมป่าไม้ ได้ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และกลุ่มชุมชนกะตะน้อย ได้จัดโครงการปลูกป่าทดแทน ในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ ในที่ดินแปลงนี้

         นายนิรันดร์ กล่าวว่า การร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานกลับเงียบหายหมด ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กรมสอบสวนคดีพิเศษDSI หรือแม้กระทั่งหน่วยพยัคฆ์ไพร ปล่อยให้โครงการนี้เปิดตัว และเปิดขายไปแล้ว ทั้งมีการเปิดบูธขายในห้างจังซีลอนอย่างเปิดเผยอีกด้วย