DSI เผยศาลพิพากษาจำ 5 ปี ช่างรังวัดรุก “หาดลายัน”

        ศาลทุจริตกลาง สั่งจำคุก 5 ปี อดีตช่างรังวัดที่ดินภูเก็ต ร่วมขบวนการใช้ สค.1 ออกโฉนดไม่ชอบ บุกรุกหาดลายัน 7 ไร่ มูลค่า 700 ล้านบาทในเขตอุทยานสิรินาทเมื่อปี 44 โดยมีผู้ร่วมขบวนการ 3 คน อีกคนรับสารภาพศาลพิพากษาจำคุกอยู่ขณะนี้ ส่วนอีกคนคือ “ธวัชชัย อนุกูล”ชิงผูกคอตายในห้องขัง

         เมื่อเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาในคดี อท.49/2559 โดยพิพากษาจำคุก นายศักรินทร์ สุทธิชรวัฒนะ อดีตช่างรังวัด สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต 5 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

         จากกรณีร่วมกันออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ และแบ่งหน้าที่วางแผนการจัดทำเอกสารราชการให้สอดรับกับเอกสารของนายอนุภาพ เวชวณิชสนอง ผู้ขอออกโฉนด โดยที่ดินแปลงพิพาทดังกล่าวอยู่ในหาดลายัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อุทยานฯจึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอเข้าดำเนินการกับขบวนการทุจริตออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบกับกลุ่มของ นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินพังงา ที่ผูกคอตายในห้องคุมขังของดีเอสไอ

        พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า สำหรับที่ดินพิพาทจากเดิมในปี 2547 เอกชนเข้าไปทำประโยชน์ปลูกบ้านและที่พักอาศัย แต่อุทยานฯ ได้เข้าไปขับไล่ และเข้าใช้ประโยชน์ โดยปัจจุบันใช้เป็นที่ตั้งของหน่วยลาดตระเวนหาดลายัน แต่ยังมีปัญหาเนื่องจากที่ดินดังกล่าวยังมีเอกสารสิทธิ์อยู่ จึงต้องดำเนินคดีให้สิ้นสุด เพื่อส่งผลคำพิพากษาไปให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดิน

        ทั้งนี้ ที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล มีราคาประเมินไร่ละ 100 ล้านบาท มีการบุกรุกออกเอกสารสิทธิไม่ชอบ 7 ไร่ รวมมูลค่าความเสียหาย 700 ล้านบาท ดีเอสไอจึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินคดี เพราะหากปล่อยให้เนิ่นนานออกไปจะทำให้มูลค่าความเสียหายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

         พ.ต.ท.ประวุธ เปิดเผยด้วยว่า รายละเอียดในคำพิพากษาระบุว่า ที่ดินตาม สค.1 เลขที่ 164 ม.4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เดิมเป็นของนายลำส้า สร้อยสน ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของ น.ส.สุรีย์ บูรณกิจ และนางเบญพร ตันติทวีวัฒนา ส่วนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 20777 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง แปลงเกิดเหตุพิพาท ที่นายอนุภาพเข้าครอบครอง และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิ์และพิสูจน์การทำประโยชน์ เพื่อขอออกโฉนดที่ดินโดยนำสำเนา สค. 1 เลขที่ 164 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ดินเดิมของนายลำส้ามาแสดงว่าได้เข้าทำประโยชน์มาต่อเนื่องจากนายลำส้า โดยมีการปลูกที่พักอาศัย และปลูกพืชผล เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดิน พร้อมทั้งนำชี้แนวเขตที่ดิน จนกระทั่งนำไปสู่การออกโฉนดที่ดินบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติและที่ดินสาธารณะจำนวน 7 ไร่ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2544 ที่ผ่านมาดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย เป็นราษฎร 3 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย

         ในข้อหาออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์ที่ดินก่อนปี 2497 ซึ่งสภาพที่ดินในอดีตเป็นทะเล และเป็นสันทรายเพียงเล็กน้อย ไม่มีการทำประโยชน์ทั้งแปลง ดังนั้น ที่ดินแปลงเกิดเหตุ จึงไม่ใช่ สค. 1 หากเป็นที่ดินสค. 1 จริงต้องเข้าทำประโยชน์ก่อนวันที่ 1 พ.ค. 2497 นอกจากนี้ โฉนดที่ดินยังอยู่คนละตำแหน่งจากสค. 1 ขอบเขตที่ดินแปลงเกิดเหตุไม่ตรงกับที่ดินแปลงจริง ผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินจึงเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ 3 รายดังกล่าว อีกรายให้การรับสารภาพถูกศาลพิพากษาจำคุกไปก่อนหน้านี้ และอีก 1 รายคือนายธวัชชัยก่อเหตุผูกคอเสียชีวิตขณะคุมขังที่ดีเอสไอ