เผยสถานการณ์อสังหาฯ ภูเก็ตปี 61 ปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 60 ชี้ตลาดคอนโดฯ เป็นตัวเลือกหลักของผู้บริโภครุ่นใหม่

         เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 1 โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตจัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 นำโดยนายบุญ ยงสกุล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต โดยการประชุมดังกล่าวจัดเพื่อแถลงนโยบาย ผลงาน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานมาตลอดปี 2560 โดยมีสมาชิกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน และนอกจากนี้ยังมีการบรรยายถึง “สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต” และ “ความร่วมมือสร้างเครือข่ายพันธมิตรในการจัดเก็บข้อมูลที่อยู่อาศัยในภูมิภาค” โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

         ทางด้าน​ นายบุญ ยงสกุล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ได้เปิดเผย​ ถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตว่า​ สำหรับสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต​ ทางสมาคมฯมองว่าปี 2561 ดีขึ้นกว่าปี 2560 ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านจัดสรรแบบแนวราบ​ หรือจะเป็นคอนโดที่มีขายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ​ ที่มีราคาที่หลากหลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือว่าคอนโดก็จะได้ราคาที่สูงขึ้นตามราคาที่ดินของจังหวัดภูเก็ตที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนภูเก็ตเองที่ต้องการขยับขยายหรือคนจากส่วนกลางหรือแม้แต่นักลงทุนชาวต่างชาติก็เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักลงทุนชาวจีนและรัสเซียมีการกลับเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น

         นอกจากนี้​ ปัจจัยที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตดีขึ้น​ มีทั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตเองและในส่วนของภายนอก โดยปัจจัยภายในจังหวัดภูเก็ต​ คือ​ เรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ อาทิ ถนนหนทาง อาทิ​ การจราจรไม่ติดขัด, สนามบินพัฒนา​ นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถช่วยได้ ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ถ้าการเมืองมีการกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจนและทุกอย่างนิ่ง​ การเมืองคงที่ ปัจจัยภายนอกอย่างจังหวัดภูเก็ต​ ซึ่งนักลงทุนส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ แต่ถ้าปัจจัยภายนอกนิ่งและเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะช่วยให้นักลงทุนกล้าเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้นต่อไป

         ส่วนทางด้าน ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้อธิบายเกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในการจัดเก็บข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ชัดเจนขึ้นและแม่นยำมากยิ่งขึ้น และจะได้ข้อมูลที่เป็นความถี่รายไตรมาส อีกทั้งเรายังสามารถติดตามสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตเองและในภาคใต้หรือในระดับประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งข้อมูลต่างๆที่เก็บข้อมูลนั้น​ สามารถส่งสัญญาณให้ทางผู้ประกอบการได้วางแผนการลงทุนได้ถูกต้อง และทำให้การลงทุนได้สำเร็จมากกว่าการลงทุนแบบไม่มีข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตดีขึ้น และจังหวัดภูเก็ตถือเป็นแหล่งอสังหาริมทรัพย์หลักในประเทศด้วย ถ้าอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตดีขึ้น​ ก็จะส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ภาพรวมของประเทศดีขึ้นไปด้วย​

        ดร.วิชัย​ ยังได้กล่าวต่ออีกว่า จากการศึกษาพบสถานการณ์ในจังหวัดภูเก็ตดีขึ้นและดีขึ้นอย่างมีนัยยะ ซึ่งอัตราการดูดทรัพย์โตขึ้นจาก 6 % เป็น 7 % ต่อเดือน แปลว่าการตอบรับในการซื้อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงกลุ่มที่มาซื้อที่อยู่เป็นที่อยู่อาศัยแห่งที่สอง​ สามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคอนโดมิเนี่ยมหรือโครงการแนวสูงมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ​ ทั้งตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งจำนวนหน่วยที่มีการขายทั้งหน่วยที่ขายได้ทั้งหมด ทำให้เห็นว่าต่อไปคอนโดมิเนี่ยมจะต้องมีการขยายเพิ่มขึ้นในจังหวัดภูเก็ต โดยนักลงทุนที่มีความต้องการซื้อคอนโดมิเนี่ยมจะเป็นชาวต่างชาติ เนื่องจากคอนโดมิเนี่ยมเปิดให้ชาวต่างชาติมีสิทธิถึง 49 % ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายหลัก​ คือชาวต่างชาติและนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ภูเก็ตโตอย่างต่อเนื่อง​

         นอกจากนี้ทางด้าน​ นายบุญ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า แม้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น การขยายตัวจะดรอปลงไป แต่ในปัจจุบันโครงการใหญ่ๆก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้น อย่างกลุ่มลากูน่าก็มีการผุดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น​ ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 2 พันล้านบาท และโครงการใหญ่ๆจากส่วนกลางก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่าคอนโดมิเนี่ยมโครงการใหม่ๆ กำลังจะเปิดตัวและเปิดตัวไปแล้วในไตรมาส 3 และ 4 นี้เพิ่มขึ้น อีก 10 โครงการ​ ที่มีทั้งโครงการขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ อีกทั้งเทรนด์ของผู้บริโภคที่เป็น GEN – M ที่ชอบอยู่คอนโดมิเนี่ยมมากขึ้น ก็เป็นอีก 1 ปัจจัยที่ทำให้คอนโดมิเนี่ยมเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ทำรายได้ดีที่สุดและโครงการที่ยังค้างขาย​ ในจังหวัดภูเก็ตเหลือไม่ถึง 10 % สำหรับราคาขายที่ทำได้ดีที่สุด​ คือ 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท​