จังหวัด​ภูเก็ต​พร้อมหน่วยงานที่ข้องประชุมเข้มรายงาน​สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์​โอไมครอน​ 167 ราย ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

จังหวัด​ภูเก็ต​พร้อมหน่วยงานที่ข้องประชุมเข้มรายงาน​สถานการณ์

การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์​โอไมครอน​ 167 ราย
ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

             เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย​ นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, น.ส.นันทาศิริ รณศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต และนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลง​ สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และแนวทางในการดำเนินการ

          นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้น​ ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยรายใหม่ 184 ราย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ​ เนื่องจากขณะนี้มีผู้เดินทางเข้ามามากขึ้น เฉลี่ยวันละ 4,000 คน จากเดิมวันละ 400-500 คน ส่งผลให้เกิดปัญหาในเรื่องของสถานที่รักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่เพียงพอ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ในการวางแผนรับมือควบคุมผู้ติดเชื้อในพื้นที่และผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการจัดหาสถานที่รองรับ และกำหนดมาตรการในการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

           ทางด้าน นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง จากวันละ 30 รายเป็น 120 คนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เรียกว่าอยู่ในขาขึ้น ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าตัวเลขจะขึ้นสูงสุดถึงวันละเท่าไหร่ บอกได้เพียงว่าขณะนี้ภูเก็ตอยู่ในช่วงขาขึ้นของการติดเชื้อในพื้นที่

              ส่วนการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น​ ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมในช่วงเปิดแซนด์บ็อกซ์ใหม่ๆ วันละไม่เกิน 10 ราย แต่ปัจจุบันอยู่ที่วันละ 50-60 คน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น​ วันละประมาณ 4,000 คน และยังพบว่าการตรวจหาเชื้อในครั้งที่ 2 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นถึง 1% และจะต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาเป็นเวลา 10 วัน ทำให้ภูเก็ตมีผู้ป่วยโควิดที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่ในขั้นตอนการรักษาประมาณ 700-800 คน แต่ในจำนวนนี้กว่า 95% เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ซึ่งจังหวัดจะต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งการหา Hotel Isolation และ Hospital ทำได้ยากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงแรมเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยมีเป้าหมายในการหา Hotel Isolation จำนวน 1,000 ห้อง ขณะนี้มีโรงแรมที่แจ้งความประสงค์และผ่านการประเมินแล้ว 66 แห่ง ประมาณ 780 ห้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยไม่ต้องย้ายออกจากโรงแรม แต่จะต้องปรับพื้นที่บางส่วน หรือ​ บางตึก รองรับผู้ป่วยโควิดเฉพาะตามเงื่อนไขที่สาธารณสุขกำหนด

           ทั้งนี้​ นายแพทย์สาธารณสุขภูเก็ต ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ในภูเก็ตพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้ว​ 167 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 17 ราย และจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี ATK ของกลุ่มพนักงานและผู้ประกอบการที่ทำงานอยู่ภายในซอยบางลา หาดป่าตอง ปรากฏการว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 40-50 ราย โดยอยู่ระหว่างการส่งตรวจเพื่อคัดแยกสายพันธุ์ หลังจากที่ก่อนหน้ามีการตรวจไปแล้วกว่า 400 ราย และพบผู้ติดเชื้อ 12 ราย ในจำนวนนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอน 11 ราย

              ขณะที่​ นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจออกมาเป็นบวกและรอเข้าสู่กระบวนการักษาอยู่ที่โรงแรมที่พักนั้น ข้อมูลล่า​ เมื่อวันที่ 3 มกราคม​ 65​ มีทั้งหมด 125 โรงแรม ซึ่ง​เฉลี่ยโรงแรมละ 1-2 คน มีสูงสุด 5 คน และจากการที่มีโรงแรมปรับเป็น Hotel Isolation แล้วจำนวน 66 แห่ง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องย้ายออกจากโรงแรมที่พักเดิม ทำให้ขณะนี้ปัญหาไม่มีสถานที่รักษาทุเลาลง และในส่วนของสมาคมฯเองได้เปิด Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 0-7650-3220 เพื่อให้ทางโรงแรมได้แจ้งขอคำปรึกษา​ กรณีที่พบนักท่องเที่ยวมีผลตรวจเป็นบวก และให้คำปรึกษาเรื่อง Thailand Pass ด้วยต่อไป