บริษัทภูเขาหกลูก ร้องกรมที่ดิน กรณีออกเอกสารสิทธิ์ “เกาะนาคาน้อย”

          เจ้าของบริษัทภูเขาหกลูก มอบทนายยื่นหนังสือถึงที่ดินจังหวัดภูเก็ต ที่ดินสาขาถลาง และอธิบดีกรมที่ดิน กึ่งสอบถาม ร้องทุกข์กล่าวโทษ หลังจากพบว่ายังไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเครือ “หิรัญพฤกษ์” บนเกาะนาคาน้อย ทั้งๆ ที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีทะเบียนการครอบครองที่ดินแต่อย่างใด

           เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ก.ย. 60 นายณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายชาญวิทย์ เลิศกิจสิริวัฒนา เจ้าของบริษัทภูเขาหกลูก จำกัดได้กล่าวภายหลังเข้าพบ นายยงยุทธ กาญจนานุรักษ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือคำร้องขอให้เพิกถอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 ก เลขที่ 1462,2565 และ 2566 หมู่ที่ 5 (เกาะนาคาน้อย) ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื่องจากเป็นการขอออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

           นายณรงค์ฤทธิ์ เนติเกียรติวงศ์ ทนายความผู้รับมอบ กล่าวคือ จากการตรวจสอบสารระบบทะเบียนการครอบครองที่ดินหมู่ที่ 5 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีการแจ้งการครอบครองถึงเพียงแค่หมายเลข 87 ไม่มีแปลงหมายเลขที่ 88 แต่อย่างใด แต่ปรากฏว่าที่ดิน น.ส.3 ก  เลขที่ 1462,2565 และ 2566 เดิมออกมาจากที่ดินเลขที่ 88 จึงถือได้ว่าเป็นการขอออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการแจ้งการครอบครองที่ดินมาก่อน ประกอบกับเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 นายชาญวิทย์   เลิศกิจสิริวัฒนา ได้มีคำร้องไปยังอธิบดีกรมที่ดินเพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งตามระเบียบราชการให้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตและสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว

           โดยทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้รายงานข้อเท็จจริงไปยังอธิบดีกรมที่ดิน ด้วยข้อเท็จจริงว่า ที่ดิน น.ส.3 ก 1462,2565 และ 2566 หมู่ที่ 5 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ไม่มีทะเบียนการครอบครองแต่อย่างใดและที่ดินแปลงดังกล่าวไม่มีชื่อผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 แต่อย่างใด แต่อธิบดีกรมที่ดินยังไม่มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ และ ณ ปัจจุบัน ที่ดินแปลงดังกล่าวนี้นอกจากจะยังไม่ถูกเพิกถอนแล้ว ยังใช้ประโยชน์ที่ดินโดยผิดวิธีการและมิได้ขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

          “เดิมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558  ทาง นายชาญวิทย์ เลิศกิจสิริวัฒนา มีการร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมที่ดิน อ้างว่าที่ดิน นส.3 ก เลขที่ 1462 ซึ่งเป็นของตระกูล “หิรัญพฤกษ์” ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งภายหลังจากที่ นายชาญวิทย์  เลิศกิจสิริวัฒนา ดำเนินการยื่นหนังสือดังกล่าวต่ออธิบดีกรมที่ดินแล้ว อธิบดีกรมที่ดินก็ได้มีหนังสือแจ้งตามคำสั่งราชการออกมายังสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ผลจากการสอบสวนปรากฏว่า สำนักงานที่ดินฯ ถลาง แจ้งมาว่า ที่ดิน นส.3 ก เลขที่ 1462 ไม่มีการแจ้งการครอบครองทางทะเบียน ซึ่งการแจ้งการครอบครองทางทะเบียนในส่วนของ หมู่ 5 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มีเฉพาะแปลงที่ 87 แปลงที่  88 ไม่มี เลยต้องสงสัยว่า ในเครือ “หิรัญพฤกษ์” เอา น.ส.3 ธรรมดา หรือ ส.ค.1 เลขที่ 88 มาจากไหน จึงมาออก น.ส.3 ก เลขที่ 1462 ได้ ซึ่งนอกจากนั้นแล้วจากการตรวจสอบ ยังปรากฏอีกว่า นอกจากจะไม่มีการแจ้งทะเบียนการครอบครองแล้ว ตรวจสอบต่อไป ก็ไม่พบชื่อเจ้าของที่ดิน ในเครือ “หิรัญพฤกษ์” เป็นผู้มีชื่อแจ้งการครอบครอง ส.ค.1 แต่อย่างใด”  นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าว และว่า

          “หลังจากเอา น.ส.3 ก เลขที่ 88 หรือ  นส.3 เลขที่ 88 มาออกโฉนดโดยไม่มีการแจ้งทะเบียนสิทธิครอบครองแล้ว ได้ดำเนินการเอาเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวไปออกโฉนดที่ดิน ผลการออกโฉนดที่ดิน ทางอธิบดีกรมที่ดินเลยมีคำสั่งต่อมา ว่า ที่ดินเลขที่ 1462 ในเครือ “หิรัญพฤกษ์” ไม่สามารถนำมาออกโฉนดได้ เหตุผลเนื่องจากหลักฐานการพิจารณาออก น.ส.3 ก ทั้ง 3 แปลง ไม่เพียงพอที่จะให้ความเห็นชอบด้วยกฎหมาย นั่นหมายถึงว่าไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเอกสารสิทธิ์ได้ จึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ ทาง นายชาญวิทย์ เลยตั้งข้อสงสัยว่า ในเมื่อที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้รายงานไปว่าไม่แจ้งการครอบครอง การครอบครองมีเฉพาะแปลงที่ 87 ส่วนแปลงที่ 88 นั้น มาได้อย่างไร

          “ในเมื่อที่ดินแปลงดังกล่าว ไม่เคยทำการครอบครองมาก่อน แล้วจะเอาไปออก น.ส.3 ก ได้อย่างไร หลังจากออก น.ส.3 ก แล้วไปออกโฉนด อธิบดีกรมที่ดินไม่อนุมัติให้ออกโฉนดเพราะไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ นายชาญวิทย์ฯ เลยได้มีหนังสือร้องขอมาอีกฉบับหนึ่งว่า ในเมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าว หน่วยงานราชการไม่ว่าจะเป็นสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง อธิบดีกรมที่ดิน น่าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นั่นคือต้องมีการเพิกถอนพื้นที่ดังกล่าวในการ ออก น.ส.3 โดยมิชอบ แล้วคืนพื้นที่ ดังกล่าวให้กลับมาเป็นพื้นที่ของรัฐ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรที่จะกระทำ แต่กลับไม่ได้กระทำ  เหตุการณ์ดังกล่าวยื่นมาตั้งแต่ 15 มกราคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ปี 2560 การดำเนินการดังกล่าวยังหยุดชะงัก วันนี้ทางนายชายวิทย์ฯ เลยได้มอบหมายให้ตนในฐานะทนายความมายื่นหนังสือ กึ่งหนึ่งคือสอบถาม กึ่งหนึ่งคือร้องทุกข์กล่าวโทษว่าให้ดำเนินการ เพราะเชื่อโดยสุจริตแล้วว่าการออก น.ส.3 ก ฉบับดังกล่าวออกโดยมิชอบตามกฎหมาย  ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ใดผู้หนึ่งรู้เห็นหรือร่วมรับรู้การกระทำความผิด ให้ดำเนินการดังกล่าวให้ถูกต้องตามกฎหมายเสีย

           “จุดประสงค์ที่มาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อที่จะหาเรื่องหาราวเจ้าหน้าที่ แต่ถามว่าในเมื่อเป็นพื้นที่ของรัฐ ก็สมควรที่จะกลับคืนไปสู่ของรัฐดังเดิม นี่คือเจตนา ไม่มีการดูหมิ่น ไม่มีการประมาทเจ้าหน้าที่ หรือในเครือ “หิรัญพฤกษ์” แต่ที่ให้ข้อมูลดังกล่าวปรากฏตามเอกสารทุกอย่าง ซึ่งตนได้ยื่นให้กับทางหัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ซึ่งนอกจากจะยื่นให้กับหัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลางแล้ว ยังยื่นผ่านสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และอธิบดีกรมที่ดิน แต่การยื่นหนังสือยื่นผ่านสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ซึ่งทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  ซึ่งหลังจากนี้ 15 วัน ก็จะมาสอบถามทางสำนักงานที่ดินฯ ถลางอีกครั้ง ว่าผลการดำเนินการที่ตนยื่นไป ดำเนินการไปถึงไหนเป็นอย่างไร” นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวในที่สุด