ผู้ว่าฯ​ เปรียบ​ภูเก็ต​เสมือนแม่ไก่ จากรายได้​ 4​ แสนล้านกว่าฟอง ที่​เลี้ยงคนได้ทั้งประเทศ​ ปัจจุบัน​ ภูเก็ต​ “จนอย่างเฉียบพลัน”

ผู้ว่าฯ​ เปรียบ​ภูเก็ต​เสมือนแม่ไก่
จากรายได้​ 4​ แสนล้านกว่าฟอง
ที่​เลี้ยงคนได้ทั้งประเทศ​ ปัจจุบัน​
ภูเก็ต​ “จนอย่างเฉียบพลัน”

         ผู้ว่าฯ ​เปรียบจังหวัดภูเก็ต​เป็นเสมือนแม่ไก่ที่ออกไข่ปีละ 4 แสนล้านกว่าฟอง เลี้ยงคนทั้งประเทศ แต่วันนี้แม่ไก่ตัวนี้โทรมมาก ผอมแห้งแรงน้อย จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ เพราะฉะนั้นภูเก็ตจะต้องฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วประเทศก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย อันนี้คือสิ่งที่คนภูเก็ตทุกภาคส่วนช่วยกันมาตลอด เราได้วางวิสัยทัศน์ไว้ว่า เราจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของเราโดยการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และใน​กรณีที่เกิดปัญหาขึ้นมา เราสามารถจัดการได้ทันที

         นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้กล่าวถึง วันนี้สถานการณ์ของภูเก็ตอยู่ในภาวะที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส เนื่องจากเราเป็นจังหวัดที่เคยมีรายได้ต่อคนอยู่ที่ 4​ แสน กว่าบาท/ปี ซึ่งถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่วันนี้ตัวเลขจากนักวิชาการต่างๆ ให้ข้อมูลว่า เรามีรายได้ต่อหัวต่อคนอยู่ 1,300-1,900 บาท/เดือน​ หรือ​ ประมาณ 30,000 กว่าบาท/ปี ซึ่งเส้นความจนของภูเก็ตกำหนดไว้ที่ 3,068 บาท/เดือน​หรือมีรายได้​ 100 บาท/วัน แต่วันนี้ต่ำกว่าวันละ 100 บาท ซึ่ง​สถานการณ์ของภูเก็ตตอนนี้​ คือ​ “จนอย่างเฉียบพลัน” อยู่ๆ ก็จน ทุกระดับได้รับผลกระทบทั่วถึงกันหมด

        วันนี้สิ่งที่ต้องการคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างไร เศรษฐกิจของเราเป็นเศรษฐกิจขาเดียว คือ​ พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก เมื่อการท่องเที่ยวขานี้ใช้การไม่ได้ เราก็อยู่ยากลำบากอย่างที่เห็น จากที่เคยมีชาวต่างชาติเข้ามาปีละกว่า 10 ล้านคน แต่ ณ วันนี้มีคนเข้าออกสนามบินประมาณ 7,000 คน/วัน ขณะที่ช่วงพีคก่อนโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเข้า-ออก สนามบิน 5-6 หมื่นคนต่อวัน เพราะฉะนั้นวันนี้เรายากลำบาก และเราจำเป็นจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามา

            ทั้งนี้ นายณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า โดยเฉพาะที่ทางทุกภาคส่วนวางแผนกันไว้ว่าในวันที่ 1 ตุลาคม​ 2564​ ที่จะถึงนี้​ คือ​ ฤดูการท่องเที่ยวเปิด เราคาดหวังว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามา จะต้องทำอะไรกันแต่ในช่วงนี้​ “ตั้งแต่เดือนมีนาคม -​ กันยายน นี้ เราจะรอดได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นตลาดภายในประเทศไทย​ ทุกท่านจะเห็นได้ว่ามาภูเก็ตก็มีกิจกรรมหลากหลาย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามา อาทิ​ กิจกรรมหรอยริมเล เทศกาลแข่งขันกีฬา ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรามีงานของดีเมืองภูเก็ต และสัปดาห์หน้าเรามีงานท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร อะไรที่สามารถ​จัดเป็นกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวได้เราทำหมด ทั้งนี้​ เพื่อต้องการให้เศรษฐกิจของเราไม่ตายสามารถเดินต่อไปได้

          นอกจากนี้​ ท่านผู้ว่าฯ​ ยังกล่าวต่อ​ แต่ที่สำคัญที่สุด​ คือ​ เรายังจำเป็นที่จะต้องมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา ส่วนการที่​นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามาได้อย่างไร ซึ่ง​ปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่เราคาดหวังไว้ก็​ คือ “อาศัยวัคซีน” เราจะต้องฉีดให้ได้ประมาณ 70% ของจำนวนประชากร 4 แสนกว่าคน รวมถึง​พี่น้องประชาชนที่มาทำงานในจ.ภูเก็ต แรงงานต่างด้าว เป็นต้น ถ้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็จะทำให้ในพื้นที่เกิดความเชื่อมั่นว่าปลอดภัย ขณะเดียวกันถ้ามีระบบที่จะยืนยันได้ว่าคนที่เข้ามาปลอดภัย ก็จะทำให้การฟื้นตัวของจ.ภูเก็ตเร็วขึ้น​ ขอเรียนแจ้งว่าภูเก็ตเราพร้อมมาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าวิธีการที่พัฒนาขึ้นมาในการที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา โดยเฉพาะในเรื่องที่ทางศรีพันวาได้นำร่องวิลล่าควอรันทีน ขอชื่นชม เพราะว่าถ้ามาแล้วจะต้องกักตัว 14 วันแบบเก่า เราได้นักท่องเที่ยวเข้ามา 200 กว่าราย มันยังไม่เห็นผล ยังไงก็ไปไม่ถึงฝั่ง เพราะฉะนั้นจะต้องมีมาตรการต่างๆ

           ตนเชื่อมั่นในกระบวนการที่กำลังพัฒนากันอยู่แต่ว่าขอเพียงอย่าช้า เพราะถ้าช้าไป สถานการณ์เศรษฐกิจฟื้นยาก ช่วงนี้ภูเก็ตเราต่อลมหายใจกันอยู่ ในส่วนของภูเก็ตพร้อมปฏิบัติตามที่ ศบค.กำหนดทุกประการ ยืนยันว่าเราอาสาที่จะมาเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะว่าถ้าภูเก็ตเราไม่รอด ประเทศชาติก็จะยากลำบากเหมือนกัน ในส่วนของภาคราชการ ภาคเอกชน พี่น้องประชาชนทุกฝ่ายเราร่วมแรงร่วมใจกันที่จะขับเคลื่อนต่อไป และพร้อมที่จะปฏิบัติตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนด​ นายณรงค์ กล่าวทิ่งท้ายในที่สุด