“ร้าน ทีจี ซูชิ บาร์” ร้านเล็กๆที่ไม่ธรรมดา ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ราคาย่อมเยา

“ร้าน ทีจี ซูชิ บาร์” ร้านเล็กๆที่ไม่ธรรมดา

ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม ราคาย่อมเยา

             เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Price Pachill ได้มีโอกาสลองทานอาหารญี่ปุ่น​สไตล์โอมากาเสะ ร้านเล็กๆ​แต่คัพไปด้วยคุณภาพจากการคัดสรรวัตถุดิบแบบที่ไม่ธรรมดา​เลยจริงๆ… “ร้าน ทีจี ซูชิ บาร์”  ตั้งอยู่บริเวณย่านสี่แยกตั่วโพ้ ถ.เทพ​กระษัตรี​ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

              ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า อาหารมื้อนี้ไม่ได้ทานฟรี!!!แต่อย่างใด แต่ที่อยากรีวิวให้เพราะว่าทานแล้วชอบ… ปกติเป็นคนที่ทานอาหาร​ญี่ปุ่นได้ไม่กี่อย่าง เวลาไปทานแต่ละครั้งก็จะสั่งแต่แบบเดิมๆ​ ถ้าไม่มีเมนู​ที่ตัวเองชอบหรือทานได้ก็จะไปร้านนั้นแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับเราแล้วร้านนี้ถือว่าสอบผ่านชอบตั้งแต่เมนูแรกที่สั่ง ด้วยวัตถุดิบที่ใช้และรสชาติอร่อยจนต้องบอกต่อ

 


              ระหว่างที่สั่งเมนูอื่นๆไปด้วย มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน เรียกสั้นๆว่า “เชฟกอล์ฟ” ปัญญา ทองชู เล่าให้ฟังว่า “ร้าน ทีจี ซูชิ บาร์” เป็นการเริ่มต้นในแบบยุค New Normal ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองอยู่ในสายงานทางด้านอาหารญี่ปุ่นกับทางโรงแรมตั้งแต่ 3-5 ดาว มานานกว่า 10 ปี และคิดว่าจะเอาประสบการณ์ตรงนี้ที่ได้พบกับลูกค้า เพื่อมาใส่ให้กับคนที่ไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสรสชาติอาหารตรงจุดนั้น ส่วนคนที่เคยสัมผัสในรสชาติตรงนั้นมาแล้วให้เค้าได้รู้สึกว่า ถ้ามาทานอาหารญี่ปุ่นตรงร้านนี้ก็เหมือนได้นั่งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว เช่นกัน

 


             สิ่งสำคัญ คือ เรื่องของคุณภาพและราคาต้องย่อมเยาสามารถจับต้องได้ เรารับประกันในเรื่องหน้าตาของอาหารรับรองว่าไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน ถ้าพูดถึงการเสิร์ฟแบบ “โอมากาเสะ” คืออะไร … “โอมากาเสะ” คือ วิถีการกินแบบตามใจเชฟ หรือ Chef’s Table นั่นเอง ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า Omakase (お任せ) นั้นหมายถึง ตามใจเชฟนั่นคือ การรับประทานอาหารโดยที่เราไม่ได้เลือกเมนูเองแต่ละเมนูที่เสิร์ฟ เชฟจะเป็นคนจัดให้และอยากจะสื่อให้รู้จริงๆว่าเราได้คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด โดยการเสิร์ฟของที่ร้านก็ไม่ได้เป็นแบบ โอมากาเสะจ๋าเสียทีเดียว เพียงเพื่ออยากให้ลูกค้าทุกกลุ่มที่มีใจรักการทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่น สามารถทานอาหารระดับพรีเมี่ยมกับทางร้านและนี่ก็คือเป้าหมายหลักจากทางเชฟกอล์ฟ      

 


                                                                           รูปแบบการจัดที่นั่งคือจัดแบบสไตล์บาร์  มีพื้นที่แบ่งเป็น 2 โซน ดังนี้

          โซนภายในร้านแบบนั่งรับแอร์เย็นฉ่ำ เป็นที่นั่งแบบบาร์ชิลๆ รองรับลูกค้าได้ประมาณ 5-6 คน กำลังพอดี พื้นที่จะติดกับเคาน์เตอร์บาร์ของเชฟ เป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับเชฟได้ดีทีเดียว ลูกค้าอยากสั่งอะไร เชฟจะรังสรรค์เมนูและเสิร์ฟให้โดยตรง โซนนี้นั่งทานอาหารสบายๆ ส่วนกำแพงด้านหลังจะเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นโซนด้านนอกร้านด้วย

 


          โซนนอกร้าน จัดเป็นแบบเคาน์เตอร์บาร์ยาวๆเช่นเดียวกัน พื้นที่ตรงนี้รองรับที่นั่งได้ประมาณ 4 คนเท่านั้น เป็นแบบโอเพ่นแอร์ รับลมเย็นๆชิลไปอีกแบบและเพลิดเพลินไปกับการชมรถสัญจรขับผ่านไปผ่านมาก็ไม่เลวนะ  ซึ่งวัยรุ่นส่วนมากก็จะเลือกนั่งโซนข้างนอกเพราะจะได้ฟิวส์มากกว่า

 


           ส่วน special หลักๆจากทางร้านมีอะไรบ้าง เราก็ได้สอบถามจากเชฟว่าขอคัดเมนูเด็ดๆมาแนะนำหน่อยและขอชิมก่อน 1 เมนู มาเริ่มกันที่จานแรกกับ  ซาซิมิแซลมอลสด”  ใน 1 จาน จะมี 3 ชิ้น เนื้อปลาสดมากกก จานนี้ราคา 89 บาท เราสั่งมาทานถึง 3 จาน ด้วยความสดของเนื้อปลาทานเพลิดเพลิน กันทีเดียว

 


          ส่วนเมนูถัดมา เทมปุระมากิ” ในราคา 159 บาท เมนูนี้ไม่มีอยู่ในรายการ เนื่องจากเราพาเด็กๆไปด้วยจึงบอกเชฟกอล์ฟว่าเด็กๆจะทานอาหารญี่ปุ่นไม่ค่อยได้เป็นเด็กที่ค่อนข้างกินอาหารยากหน่อย จึงถามเชฟว่าพอจะมีเมนูอะไรแนะนำบ้าง เพราะปกติเด็กๆจะไม่ชอบทานซูชิเลย ทุกครั้งที่ไปทานอาหารญี่ปุ่นก็จะเลือกสั่งแบบเมนูเซท เช่น ปลาซาบะย่างซีอิ้ว กับ ไก่ทอดคาราเกะ กุ้งเทมปุระ เท่านั้น เมื่อเชฟเข้าใจโจทย์จึงบอกว่าจะลองทำ “เทมปุระมากิ” ให้ลองทานเป็นข้าวญี่ปุ่นแท้อย่างดีห่อกับสาหร่ายราดด้วยซอลสูตรจากทางร้านและโรยทับด้วยไข่กุ้งกับแป้งกรอบ ใน 1 จาน มีประมาณ 6 คำ ปรากฏว่าเมนูนี้เกินคาดเด็กๆชอบมากจัดไปถึง 3 จาน ทำให้เชฟกอล์ฟปลื้มปริ่มเลยทีเดียว


 

            เชฟบอกว่าอยากให้ลองทาน เพอร์เฟคโรล” เมนูนี้สมชื่อจริงๆค่ะ เค้าใช้กุ้งทอดและห่อกับข้าวญี่ปุ่นแท้อย่างดีทับด้วยเนื้อปลาแซลมอลสดและนำมาเบิร์นกับไฟกับเนื้อปลาแซลมอลให้สุกพอประมาณ บีบครีมซอลสูตรจากทางร้านโรยด้วยไข่ปลาคาเวียร์และแป้งกรอบ แปะด้วยทองคำเปลวด้านบนหน้า เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชอบมากและเป็นทีเด็ดจากทางร้านเลย เมนูนี้อร่อยสมชื่อจริงๆไม่ควรพาด สำหรับจานนี้จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่ คิดว่าราคาน่าจะประมาณ 229 บาท ตัดเป็นชิ้นแบบคำโตๆหน่อยมีอยู่ 5 ชิ้น เต็มปากเต็มคำมากๆ


                  ได้ลองสั่งเมนู ซูชิมาชิมแล้วจึงอยากจะเปลี่ยนมาเป็นเมนูแบบยำๆดูบ้าง เพื่อตัดความเลี่ยนของอาหาร จึงได้สั่ง “ยำปลาแซลมอลสด” ซึ่งจานนี้ราคา 99 บาท ต้องบอกว่ารสชาติของน้ำยำกับซอลญี่ปุ่นที่นำมาราด (เป็นสูตรเฉพาะจากทางร้าน) คลุกเคล้าแซลมอลกับผักสลัด ทำให้รสชาติอร่อยลงตัวมากๆ รสชาติไม่จี๊ดจ๊าดมากจนเกินไปแถมยังคงมีกลิ่นอายและสไตล์ในแบบฉบับของญี่ปุ่นให้ได้รับรู้รสชาติของการผสมผสานระหว่าง 2 ประเทศ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวทีเดียว

 


                  โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบทานเมนูหอยเกือบจะทุกประเภท ถ้าไม่มีอาการแพ้ก็น่าจะทานหอยได้หมดเกือบทุกชนิดด้วยความที่อยากกินหอย จึงลองสอบถามเชฟว่ามีเมนูประเภทหอยบ้างไหม เชฟกอล์ฟจึงแนะนำให้ลองทาน “ซาซิมิหอยเชลล์ฮอกไกโด” ซึ่งจานนี้ราคา 239 บาท เชฟบอกว่าถ้าเมนูนี้อยู่ในห้องอาหารของโรงแรมระดับ 5 ดาว ราคาต้องหลักพันอัพอย่างแน่นอน พอได้ยินแค่นั้นแหละ จึงอยากจะลองทานกับเค้าบ้าง เลยจัดมา 1 จาน ด้วยรูปแบบการจัดตกแต่งจานที่นำมาเสิร์ฟมีความสวยงาม พอเห็นหอยเชลล์สีขาวนวลเนื้อเต็มๆแน่นๆตัวโตๆ วางเรียงอยู่บนจาน ประมาณ 3 ชิ้น แนะนำว่า 1 ชิ้น กัดประมาณ 2 คำ กำลังพอดีคำเลยเชียวล่ะ ได้ทานคู่กับซอสพอนซึ จะทำให้หอยเชลล์ที่เนื้อสดๆ หวานนุ่มละมุนลิ้นสุดๆ สมกับราคาและคัพไปด้วยคุณภาพจริงๆ

 


          เชฟถามว่าอยากจะลองเมนูไหนอีกไหม ตอบไปว่าพอแล้วอิ่มท้องมาก เชฟบอกยังไม่ได้ลองชิม “ซาซิมิฮามาจิ” เลยนะ เป็นปลาที่คนญี่ปุ่นยกให้เป็นหนึ่งในปลาที่ดีที่สุด เราบอกทานไม่เป็นนอกจากปลาแซลมอลปลาอื่นๆก็จะไม่เคยสั่งมาทานเลย เมื่อก่อนเคยลองทานแล้วแต่ไม่ชอบและรู้สึกว่ามันไม่อร่อย จะคาวๆ ปกติทานเป็นแต่ปลาแซลมอลอย่างเดียว เชฟบอกต้องลองทาน “ซาซิมิฮามาจิ ของเชฟแล้วจะติดใจ รับรองไม่คาวลองดูไหม เมื่อเชฟพูดขนาดนี้แล้วจะรออะไรละสั่งมาลองอีก 1 จาน มีเนื้อปลาอยู่ประมาณ 3 ชิ้น  เนื้อปลาเป็นสีขาวอมชมพูนุ่ม รสชาติมีความหอมมัน ไม่คาว มีความสด ถึงเข้าใจว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงนิยมกินปลาชนิดนี้กันมาก ถ้าเปรียบเทียบกันปลาชนิดนี้อร่อยกว่าปลาแซลมอลจริงๆ และเป็นปลาที่มีคุณค่าทางโภชนาการทางอาหารสูงมากกว่าปลาชนิดอื่นๆอีกด้วย จานนี้ราคา 219 บาท จร้า


             ปิดท้ายด้วย “ปลาหมึกยักษ์ทาโกะซาชิมิ เป็นเมนูเดียวที่ไม่ได้ทานและก็ไม่มีอยู่ในรายการ เป็นเมนูพิเศษท่านใดอยากทานก็ต้องสอบถามกับเชฟโดยตรง เพราะส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบปลาหมึกยักษ์ทาโกะ ไม่ชอบหนวดใหญ่ๆมองแล้วขนลุกทุกครั้ง แต่เมนูนี้คนที่สั่งมาทาน คือ คุณพ่อของเด็กน้อยเค้าอยากทานเลยลองสั่งมาทาน เราไม่ทานแต่ก็ขอเก็บภาพมาฝากให้ชมกันเผื่อท่านใดชอบจะได้สั่งถูก รูปแบบการจัดจานก็จะแตกต่างกันออกไป สำหรับจานนี้เค้าแร่หนวดปลาหมึกออกมาวางเรียงกันประมาณ 5 ชิ้น ซึ่งหนวดปลาหมึกมีขนาดใหญ่มากสอบถามถึงรสชาติแล้ว เมนูนี้ผ่านหนวดปลาหมึกมีความสดและกรอบมากยังคงมีรสชาติหวานของเนื้อปลาหมึก สำหรับท่านใดชอบเมนูนี้ก็ลองสั่งมาทานได้นะคะ ส่วนเรื่องราคาจำไม่ได้จริงๆว่าเท่าไหร่

 


 

             ส่วนท่านใดอยากทานซูชิแบบหน้าต่างๆทั่วไป แบบมาถึงร้านปุ๊บแล้วสามารถเลือกหยิบทานได้เลย ที่ร้านก็มีให้เลือกประมาณ 4-5 หน้าด้วยกัน โดยแต่ละวันเมนูจะไม่ซ้ำกัน จะสลับหมุนเวียนกันไปในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ชิ้นละ 10-35 บาทเท่านั้น เชฟกอล์ฟบอกว่าเค้าพยายามจัดสรรเมนูเพื่อมอบให้กับลูกค้าทุกท่าน สามารถเข้ามาทานอาหารที่ร้านได้อย่างสบายกระเป๋า ไม่ได้แบ่งแยกกลุ่มลูกค้าแต่อย่างใดแต่ละเมนูที่คิดนั้นราคาก็สมเหตุสมผลในแบบยุค New Normal เช่นนี้ ร้านเล็กแต่การใช้วัตถุดิบคุณภาพมากๆ ไม่เชื่อต้องลอง…ดีก็บอกต่อ แต่ทางที่ดีลองโทรสอบถามข้อมูลก่อน หรือ โทรสำรองจองที่นั่งไว้ก่อนก็ดีนะ เนื่องจากพื้นที่ร้านจำกัดมาก ถ้ามาทันทีเกรงว่าจะต้องรอคิวนะจ๊ะ 

                             อ่อ! ลืมสนิทขอแนะนำ “น้ำชาเขียว Shizuoka (ออริจินอล)” อร่อยมากกก ลองสั่งมาดื่มนะจ๊ะ ขวดละ 35 บาท 

         หมายเหตุ : การสั่งอาหารแต่ละครั้ง ซึ่งอาหารที่นำเสิร์ฟในแต่ละครั้งจะมีรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะจ๊ะ แต่ถ้าอยากได้แบบรูปภาพที่โชว์ก็บอกกับเชฟเค้าได้เลย เชฟเค้าใจดีจัดให้เช่นกันจ๊ะ


 

พิกัด : ร้าน ทีจี ซูชิ บาร์  

เปิด-ปิด : 10.30-21.00 น. ทุกวัน

โทร. 062 429 2291