ส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ต ต้องการคุณภาพหรือปริมาณ..?

          ด้วยภูเก็ตมีความสวยงามทางธรรมชาติ โดยเฉพาะหาดทราย ชายทะเล และเกาะแก่งต่างๆ ตลอดจนความเป็นเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม ส่งผลให้มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและสัมผัสกับความสวยงามต่างๆ   หลังหมดยุคเติบโตทางเศรษฐกิจของยางพาราและเหมืองแร่ ก็ก้าวเข้ามาสู่ยุคของการท่องเที่ยว จากเมืองที่เคยเงียบสงบก็กลายเป็นเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา

          จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพราะต้องการสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง กลายมาเป็นนักท่องเที่ยวที่มาตามกระแสหลากหลายประเภท โดยเฉพาะในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน จากรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ เพราะเจ้าของธุรกิจมีไม่กี่ราย ก็มีนักลงทุนหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งทุนท้องถิ่นเอง และทุนจากนอกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ตามมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเข้ามาอย่างมากมาย และสามารถเลือกได้ตามความต้องการทุกระดับราคา เพราะสินค้ามีมาก การแย่งชิงตลาดด้วยวิธีการต่างๆ ก็ตามมาที่ค่อนข้างชัดเจนเจน คือ การจัดโปรโมชั่นโดยนำเรื่องของราคามาใช้ จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นแต่ปริมาณของนักท่องเที่ยวมากมาย แต่รายได้กลับหดลดลงเรื่อย ๆ

           การเข้ามาของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ลืม และต้องเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย โดยเฉพาะเรื่องของสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่มารองรับ ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ประปา ขยะ น้ำเสีย อื่นๆ อีกมากมาย เพราะการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่มักจะเดินตามหลังเอกชนค่อนข้างมาก ไม่ใช่เพราะเราไม่วางแผน แต่เราวางแผนแล้วก็วางไว้บนหิ้งไม่นำมาใช้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหาร ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของข้าราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคหรือท้องถิ่น เพราะเมื่อเปลี่ยนผู้บริหารครั้งหนึ่งนโยบายก็เปลี่ยนไป และต้องมาศึกษากันใหม่ตลอด ทำให้ต้องเสียงบประมาณไปกับการศึกษาปีละไม่น้อย

          จากการเติบโตที่ไร้ทิศทางและก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เนื่องจากเกินขีดความสามารถในการรองรับ และเริ่มมีกระแสเสียงการหาวิธีจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร เพราะปริมาณของโรงแรมที่พักที่ผุดเหมือนดอกเห็ด หรือกิจการเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่หาได้ไม่ยากมีให้เห็นบนถนนเกือบทุกสาย จึงทำให้ทุกคนยังคงมุ่งเป้าไปเรื่องของปริมาณ แม้จะรู้ว่าบ่อยครั้งทำให้ตัวเองบาดเจ็บ แทนที่จะมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพหรือรายได้ที่ควรจะเป็น  ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่ว่าจะทำหรือไม่

          ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนภูเก็ตทุกภาคส่วนจะต้องออกมาพูดคุยในเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง และให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรักษาเกาะแห่งนี้ให้เป็นไข่มุกแห่งอันดามันอย่างยั่งยืน  เพราะเรามีของดีอยู่แล้ว เราได้เปรียบในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเป็น “ภูเก็ต” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แม้เราจะไม่มีการจัดกิจกรรมอะไรมากมายที่ในการดึงคนเข้ามา (และต้องลดราคา, ประโยชน์เป็นของคนบางกลุ่ม) แต่เลือกจัดกิจกรรมหลักๆ ที่เกิดประโยชน์ในภาพรวม และเชื่อว่าหากเราสามารถรักษาความสวยงามของธรรมชาติไว้ได้ก็ยังคงมีผู้คนต้องการเดินทางเข้ามา และทำให้ภูเก็ตยังดูแพง เหมือนเช่น “ไข่มุก” ที่อย่างไรก็ยังเป็นสินค้าที่ดูดีและราคาแพง