เอกชนภูเก็ตผนึกกำลังร่างแผนการฉีดวัคซีนกันเอง พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ตุลาคม

เอกชนภูเก็ตผนึกกำลังร่างแผนการฉีดวัคซีนกันเอง พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ตุลาคม

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ณ โรงแรมอินดิโก้ ป่าตอง ภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยผู้แทนองค์กรเอกชนได้แก่ หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง สมาคมโรงแรมหาดกะตะกะรน สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต สมาคมมัคคุเทศก์อันดามัน สมาคมสปาเพื่อสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสมาคมโรงแรมจังหวัดภูเก็ต สมาคมที่พักบูติคจังหวัดภูเก็ต และสมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดภูเก็ต รวมถึงบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด และผู้บริหารเครือลากูน่า รีสอร์ท ภูเก็ต และผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติในจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมหารือกันเรื่อง แผนการระดมฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อเปิดประตูธุรกิจท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม 2564

          นางสาวเชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวเริ่มประเด็นว่า “ภาคเอกชนภูเก็ตได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างการควบคุมการระบาด และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตมาโดยตลอด และขอขอบคุณรัฐบาลที่สามารถควบคุมการระบาดได้ในระดับที่น่าพอใจ และเข้าใจถึงความจำเป็นของรัฐบาลที่ไม่สามารถจะช่วยจังหวัดภูเก็ตได้ทันต่อความเร็วของปัญหา แม้ว่าที่ผ่านมาภูเก็ตจะเป็นหนึ่งในหลายจังหวัดที่มีบทบาทสำคัญทางการท่องเที่ยวและสนับสนุนภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศมาไม่น้อยกว่า 20 ปี”

          “สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันหากไม่ได้รับการบริหารจัดการที่ทันและมียุทธศาสตร์ที่ดีพอ จะทำให้เกิดความรุนแรงของปัญหา และจากรายงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต พบว่า คนภูเก็ตกำลังประสบ “วิกฤตฉับพลัน” ที่รายได้คนในจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้ม “ต่ำกว่า” เส้นความยากจนของประเทศ”

            รายงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่รายได้ของคนภูเก็ตจะได้รับประมาณ​1,984 บาทต่อเดือนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกันยายน 2564 ในขณะที่เส้นความยากจนของประเทศไทยถูกระบุที่ 3,044 บาทต่อเดือน

         นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เสริมว่า “สิ่งที่ขอจากรัฐบาลในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องงบประมาณ แต่เป็นการขอเพียงสองเรื่อง ขอกำลังใจให้เดินต่อได้ และขอการสนับสนุนเชิงนโยบาย ที่จะทำให้ภูเก็ตกลับมาฟื้นได้อีกครั้ง ด้วยตัวเราเอง ที่ผ่านมาภูเก็ตร้องขอการสนับสนุนไปพอสมควร มีที่ได้น้อยกว่าที่ไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจบอกว่า ภูเก็ตไม่ใช่ประเทศไทย จะให้ได้อย่างไร และหวังว่าจะไม่ได้ยินประโยคนั้นจากการเสนอทางออกในครั้งนี้อีก”

          นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า “เป็นความจำเป็นที่ภูเก็ตต้องได้รับการออกแบบให้ทันต่อบริบทการเปลี่ยนแปลง นอกจากเพื่อความอยู่รอดของพี่น้องชาวภูเก็ตที่เพิ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลักแล้ว ยังมีความจำเป็นต้องคำนึงถึงกรอบเวลาของฤดูกาลท่องเที่ยว และภาคเอกชนเห็นพ้องต้องกันว่า วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะเป็นวันที่ภูเก็ตจำเป็นต้องเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัว และหากพลาดโอกาสนี้ไป นอกจากความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะสูญเสียมหาศาลแล้ว ปัญหาทางสังคมจะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาล เราจะทำทุกอย่างให้พี่น้องชาวท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาอีกครั้งให้ได้ใน 1 ตุลาคม ปีนี้”

             “วันนี้พี่น้องชาวท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังสิ้นหวัง มองเข้าไปในแววตา เราไม่เห็นประกายไฟแห่งการต่อสู้อีกแล้ว พวกเรากำลังหมดแรง และสิ่งที่เรากำลังพยายามทำครั้งนี้ เป็นความพยายามครั้งสุดท้าย ที่เรารวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่เหลือ และหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจและสนับสนุน”

ยุทธศาสตร์ #phuketfirstoctober

 นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้กล่าวว่า “ลูกค้าหลักในจังหวัดภูเก็ตคือชาวยุโรป ที่วันนี้เริ่มฉีดวัคซีนแล้ว โดยรูปแบบการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปจะมาพำนัก 7-14 วัน และเริ่มออกเดินทางช่วงไตรมาสที่ 4 คือเริ่มเดือนตุลาคม ดังนั้นหากจังหวัดภูเก็ตมีแผนการรองรับการเดินทางที่ชัดเจนและเป็นไปได้ และสื่อสารออกไปภายในเดือนเมษายนปีนี้ ก็จะทำให้เป็นโอกาสของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูเก็ตอีกครั้งที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นได้ทัน”

           นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า “จากแนวคิดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยไม่ต้องกักตัวนั้น ทางทีมภูเก็ตได้ประเมินความเป็นไปได้จากปัจจัย 4 ข้อ ประกอบไปด้วย

1. ความชัดเจนของรัฐบาลในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว จะต้องได้กักตัวหรือไม่ และหากไม่ต้องกักตัวจะต้องได้รับวัคซีนบริษัทใด เพราะรัฐบาลไทยในวันนี้รับรองเพียง 2 บริษัท คือ Sinovac และ AstraZenaga หากนักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนจากบริษัทอื่น เช่น Modena, Novavax หรือ Pfizer จะได้รับการพิจารณาอย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไร

2. ความชัดเจนของรัฐบาลเรื่องการจัดสรรวัคซีนให้กับชาวภูเก็ต และผู้ที่ทำงาน ณ​ จังหวัดภูเก็ตว่า ใครมีสิทธิได้รับการฉีดวัคซีน ด้วยเงื่อนไขใด

3. ความชัดเจนของรัฐบาลในการอนุมัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้เงินสะสมของแต่ละสังกัดจัดซื้อวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นกรณีพิเศษ และเป็นไปตามช่วงเวลาในยุทธศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ต

4. ความชัดเจนของรัฐบาลในการขึ้นทะเบียนวัคซีนจากผู้ผลิตรายอื่นที่มีเอกสารการวิจัยรองรับ และใช้กันในนานาประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการใช้วัคซีนที่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

5. ความชัดเจนของรัฐบาลในการอนุญาตให้เอกชนสามารถจัดซื้อวัคซีนให้พนักงานของแต่ละธุรกิจได้ตามกำลังและความสามารถของเอกชน โดยสั่งซื้อวัคซีนตรงจากโรงพยาบาลเอกชน และโดยงบประมาณของภาคเอกชนเอง

         “เป้าหมายของ #phuketfirstoctober คือ การระดมสรรพกำลังในการสนับสนุนให้คนภูเก็ต และพนักงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับวัคซีนเป็นจำนวนอย่างน้อย 70% ของประชากร โดยไม่นับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มภายใน 1 กันยายน 2564 เพื่อสามารถสร้างภูมิต้านทานและเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป” นายภูมิกิตติ์ กล่าว

“ทีมเอกชนภูเก็ตได้เจรจาขอซื้อวัคซีนจากเครือโรงพยาบาลเอกชนไปบ้างแล้ว และกำลังอยู่ในกระบวนการสรุปจำนวนและราคา หากรัฐบาลเห็นชอบแนวทางที่ภาคเอกชนเสนอ เราน่าจะเริ่มฉีดเข็มแรกของ Sinovac ได้ก่อนสงกรานต์ และทยอยฉีดในส่วนภาคเอกชนให้ครบตามแผนที่วางไว้ เอกชนภูเก็ตตกลงกันแล้วว่า พนักงานในที่ทำงานโดยเฉพาะส่วนภาคท่องเที่ยวจะจ่ายเงินค่าวัคซีนกันเอง เพื่ออนาคตเราเอง เราลงทุนเอง” นางสาวเชิญพร กาญจสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตเสริมข้อมูล

“สิ่งที่ทางภูเก็ตขอจากนี้ต่อรัฐบาลคือ คำตอบที่สามารถช่วยให้ภูเก็ตกลับมาอีกครั้งด้วยคนภูเก็ตเอง แต่แน่นอนที่ว่า คำตอบสุดท้ายอยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะพิจารณาอย่างไร ภูเก็ตไม่ได้ขอเงินอีกต่อไปแล้ว ขอแค่กำลังใจ ความเข้าใจ และการอนุมัติให้เราเดินตามแผน ที่เหลือทางเราจะจัดการเอง ” นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเสริม

เมื่อวัคซีนคือตั๋วใบสุดท้าย

          “หากรัฐบาลยังอ้ำอึ้ง ยังคิดในบริบทเดิม ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ทัน เตรียมใจไว้เลยว่ามีปัญหาทางสังคมตามมาติดๆ แน่ หลังจากนี้เราจะเห็นกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามากวาดซื้อโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมากขึ้น และอาจจะหมดเกาะก็เป็นไปได้ ถึงวันนั้นรัฐบาลจะมารับผิดชอบอะไรได้ สิ่งที่เราขอวันนี้ย้ำว่า ไม่ได้ขอสนับสนุนอะไร นอกจากการอนุมัติเชิงนโยบาย” นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมคมโรงแรมไทยภาคใต้ย้ำ

          “ภูเก็ตฟื้น…ประเทศไทยก็ฟื้น ผมมั่นใจแบบนั้น รัฐบาลให้เราเดินตามแผนได้เมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวกลับมา รัฐบาลก็จะได้ภาษีเพิ่มขึ้น เอาไปช่วยพื้นที่อื่นได้มากขึ้น แต่ถ้าปล่อยให้ภูเก็ตแย่…เราจะแย่ไปกันหมด หากรัฐบาลอนุมัติกรอบยุทธศาสตร์ได้จริง เราน่าจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 40-50% จากจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2562 และนั่นจะเป็นจุดตั้งต้นที่ทำให้ภูเก็ตเดินต่อได้อีกครั้ง” นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าว

           “ภูเก็ตวันนี้สวยมาก แต่ความสวยมากมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นความตกต่ำของเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ พี่น้องภูเก็ตแบกวิกฤตไม่ไหวแล้ว วันนี้เป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์แห่งความหวังแล้วเท่านั้น และทางออกของวิกฤตนี้เหลือตั๋วใบสุดท้ายใบเดียว คือวัคซีน” นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าวทิ้งท้าย