แสนสิริ มั่นใจ “ภูเก็ต” ยังไปได้สวย เตรียมส่งโครงการ เดอะเบส เดินหน้าลุยอสังหาฯ กลางปี 61

        แสนสิริ เผยแผนธุรกิจ ปี 61 รุกเพิ่มการลงทุนต่างจังหวัดวาง “ภูเก็ต” หนึ่งในจังหวัดยุทธศาสตร์ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “เดอะ เบส” ใจกลางเมืองภูเก็ต ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต เฟสใหม่ กลางปีนี้ คาดความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตสูง ซึ่งโครงการใหม่ “เดอะ เบส” เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการปิดการขาย 3 โครงการรวด โครงการเดอะ เดค ป่าตอง, เดอะ เบส ไฮท์-ภูเก็ต และ เดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต รวมมูลค่ากว่า 3,600 ล้านบาท เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

         นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของแสนสิริ ในการขยายฐานลูกค้าสู่ภูเก็ตและสามารถปิดการขายโครงการได้ 100% ใน 14 โครงการที่เปิดตัว มูลค่ารวม 18,330 ล้านบาท ในปี 2561 นี้ แสนสิริมีแผนขยายการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่ม ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดยุทธศาสตร์สำคัญของแสนสิริ มีเป้าหมายขยายการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต มีอัตราการเติบโตในทิศทางที่ดี และความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่มาก ที่ผ่านมาทุกโครงการในจ.ภูเก็ตประสบความสำเร็จทุกโครงการและทุกแบรนด์ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์ ตั้งแต่โครงการบ้านแบรนด์ บุราสิริ, สราญสิริ, ฮาบิเทีย, ฮาบิทาวน์ และโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ ดีคอนโด, เดอะ เบส, คอนโดมิเนียมตากอากาศอย่างเช่น เดอะ เดค และบ้านไม้ขาวซึ่งมีการตอบรับที่ดีทั้งชาวไทยและต่างชาติ

         โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แสนสิริได้ปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้ว 3 โครงการ คือ โครงการเดอะ เดค ป่าตอง คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ทำเลใจกลางป่าตอง มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าคนไทย และชาวต่างชาติ ในสัดส่วน 51:49% และในส่วนของซิตี้คอนโด เดอะ เบส ไฮท์-ภูเก็ต และ เดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ นี้มีทั้งผู้ซื้อ เพื่ออยู่อาศัยเองและนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งในปัจจุบันมีอัตราผลตอบแทนปล่อยเช่าสูงถึง 5-8% ต่อปี

         ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อยอดความสำเร็จของโครงการคอนโดมิเนียม “แสนสิริ” ได้เตรียมเปิดตัว “โครงการ เดอะ เบส” โครงการใหม่ ซึ่งวางแผนว่าจะเปิดตัวในช่วงกลางปี 2561 นี้ โดยโครงการดังกล่าว ทำเลตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต เฟสใหม่ ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลฯทุ่มลงทุนในการปั้นโครงการ ประกอบไปด้วย ศูนย์ประชุม โรงแรมระดับพรีเมี่ยม แบรนด์ ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับโลก รวมไปถึงอควาเรี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้

         นายอุทัย ยังกล่าวต่ออีกว่า “ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จะส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดอสังหาฯ เพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงกำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น ซึ่งภูเก็ตนับเป็นอีกตลาดที่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลักๆ เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ตลอดจนเที่ยวบินที่สามารถรองรับการท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศ และ ต่างประเทศรวมถึงสายการบินต่างๆ ได้ทำการเพิ่มเที่ยวบิน ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยสนามบินนานาชาติภูเก็ตได้ตั้งเป้าขยายสนามบินเฟส 2 ซึ่งจะเสร็จสิ้นกลางปี 2561 นี้ คาดว่าสามารถรองรับนักท่องเที่ยว ประมาณ 16 ล้านคนต่อปี และรองรับเที่ยวบินสูงสุด 300 เที่ยวบินต่อวัน

        นอกจากนี้ ภูเก็ต กำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางทางด้านธุรกิจสำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย ที่จะดึงดูดการลงทุนจากทางภาคเอกชนหลายภาคส่วนธุรกิจมาลงทุนในจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อาทิ กลุ่มเซ็นทรัลฯในการลงทุนเฟสใหม่ รวมทั้งทุนอสังหาฯ จากไทยและต่างประเทศ ที่จะลงทุนด้านโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ อาทิ สวนน้ำแห่งใหม่ หรือ กลุ่มธุรกิจด้านเฮลท์ แอนด์ ฟิตเนส หลายแบรนด์ ที่เปิดให้บริการแล้ว และกำลังจะเปิดอีกหลายแห่งในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ภูเก็ตได้มีการพัฒนาส่วนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจค โดยเฉพาะส่วนของการขนส่งมวลชน การลงทุนจากทางภาครัฐ เช่น การก่อสร้างรถไฟรางเบาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 และการลงทุนจากภาคเอกชน อาทิ สมาร์ท บัส ที่กำลังเริ่มให้บริการ

       ส่วนทางด้าน ตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและแข็งแกร่ง ด้วยหลายองค์ประกอบ เป็นทั้งเมืองทางด้านการท่องเที่ยวคึกคักตลอดทั้งปี และเป็นเมืองธุรกิจที่ดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจท้องถิ่นมีแนวโน้มที่ดี ตลอดจนมีการขยายตัวด้านโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากการเข้ามาลงทุนของภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งจะมีการสร้างงานดึงดูดกลุ่มคนทำงานและกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาภูเก็ตมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อมั่นว่าความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัย จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และตลาดเช่า นายอุทัย ได้กล่าวทิ้งท้าย